หินสลักโมไอบนเกาะอีสเตอร์สามารถเดินได้เองจริงหรือเปล่า?

ถ้าเราพูดถึงเรื่องของโบราณสถานหรือโบราณวัตถุที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของหินสลักจริงๆแล้วมันได้มีอยู่หลายที่ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นหินสลักต่างๆเกี่ยวกับในหน้าประวัติศาสตร์อย่างศิลาแดงหรือเป็นจิตรกรรมฝาผนังที่เกี่ยวกับอียิปต์โบราณหรือสลักเอาไว้ในถ้ำต่างๆมากมาย

ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้มันก็จะบ่งบอกเกี่ยวกับประวัติที่มาหรือในอดีตนั้นมันได้เกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งหนึ่งในหินสลักที่มีคนพูดถึงกันมากที่สุดนั่นก็คือ หินสลักรูปหน้าคนโมไอ/moaiนั่นเองโดยตามข้อมูลเขายังได้บอกเอาไว้ว่า หินสลักรูปโมไอมันคือรูปปั้นหินที่มีลักษณะที่คล้ายกับศีรษะของมนุษย์แตกจะมีศีรษะที่ใหญ่กว่ามนุษย์ทั่วไป

และยังได้มีรูปร่างลักษณะที่แตกต่างกันออกไปบางตัวหัวเล็กบางตัวหัวใหญ่หรือบางตัวก็อาจจะมีหินวางเอาไว้บนหัวที่ดูคล้ายเหมือนกับหมวกก็มีอยู่เช่นกัน ซึ่งถ้าเอาตามที่เขาได้บันทึกเอาไว้แล้วก็มีการจดเอาไว้เขายังได้บอกเอาไว้ว่าโมไอในแต่ละชิ้นนั้นมันได้ถูกสร้างขึ้นมาจากหินเพียงแค่ก้อนเดียว โดยชาวโพลินีแซียน ที่ได้เข้ามาปกครองที่เกาะนี้ในช่วงเวลาเมื่อประมาณปี ค.ศ.1250

และได้สิ้นสุดอารยธรรมในเวลาต่อมาจากการคาดเดาคาดว่าน่าจะอยู่ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1600ถึงปี ค.ศ.1800

แต่มันก็ยังไม่สามารถที่จะสรุปได้เลยว่ามันสิ้นสุดอารยธรรมเพราะอะไรและตามบันทึกเขายังได้บอกอีกด้วยว่าวิธีการสร้างโมไอในช่วงแรกมันยังคงได้เป็นปริศนาอยู่แต่ในช่วงระยะเวลาต่อมาก็ได้ถูกไขปริศนาแล้วแต่มันก็ยังได้มีบางคนเขาเชื่อกันว่ามันอาจจะเป็นเพียงแค่ทฤษฎีสมทบคิดเพียงเท่านั้น

โดยทฤษฎีสมทบคิดที่มีคนเชื่อถือกันมากที่สุดคือน่าจะถูกสร้างขึ้นจากการแกะสลัก โดยใช้หินของภูเขาไฟที่มีความแข็งและมีความคมกว่าหินโดยทั่วไปมาแกะสลักหินจากหินก้อนใหญ่เพียงแค่ก้อนเดียวด้วยความปราณีตจนมันได้ขึ้นเป็นรูปทรงขึ้นมาและเขาก็ได้คาดการณ์กันว่าวัตถุประสงค์ในการสร้างโมไอนี้ขึ้นมาคือการสร้างขึ้นมา

เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้แก่พวกที่ได้ร่วงลับไปแล้วอาจจะเป็นหัวหน้าเผ่าหรือเป็นคนที่มีอำนาจยศถาบรรดาศักดิ์สูงในยุคนั้นก็เป็นได้และถ้าถามว่าเรื่องนี้มันน่าสนใจอย่างไงคือเท่าที่ฟังมาตอนแรกนั้นมันอาจจะดูเหมือนเป็นเพียงแค่หินสลักที่เอาไว้ประดับหรือเป็นหินที่เอาไว้เป็นอนุสรณ์สถานของผู้ที่ได้ร่วงลับไปแล้วหินโมไอมันมีขนาดที่ใหญ่และสูงงมากๆ

 

สนับสนุนโดย  ทางเข้า entaplay