2เครื่องรางของขลังที่ไม่ต้องไปปลุกเสกก็ขลังได้

ปฏิเสธไม่ได้ว่าประชากรในประเทศไทยโดยส่วนใหญ่มีเครื่องรางของขลังไว้ครอบครองเพื่อความโชคดีศิริมงคลกันสิ่งชั่วร้ายเครื่องรางของขังต่างๆส่วนใหญ่ได้รับการจัดสร้างด้วยพิธีพุทธาภิเษกและพิธีกรรมทางไสยศาสตร์แต่ยังมีเครื่องรางบางอย่างที่ถือว่าเป็นของกายสิทธิ์ซึ่งเกิดขึ้นเองได้ตามธรรมชาติ ซึ่งทั้งมีที่อยู่ในกายคนในสัตว์ในพืชรวมถึงแร่ธาตุและอัญมณีเป็นต้นและวันนี้เราจะพามาดูเครื่องรางกายสิทธิ์ที่มีความขลังโดยที่ไม่ต้องปลุกเสกใดๆ

อากาศธาตุ

อากาศธาตุหรือฟันอาถรรพ์ของขลังที่หายากอีกอย่างหนึ่งก็คือฟันคนที่ขึ้นอยู่เพดานปากแทนที่จะขึ้นอยู่บนเหงื่อเหมือนอย่างคนปกติโดยทั่วไปและได้มีความเชื่อได้กล่าวเอาไว้ว่า อากาศธาตุนี้มีเฉพาะผู้คนที่ได้มีอดีตแต่ชาติมียานหรืออภิญญาพอได้ลงมาเกิดใหม่ยานก็หายได้กลายมาเป็นอากาศธาตุที่ได้ติดตัวมาตั้งแต่เกิดแทนสำหรับคนที่ได้มีฟันขึ้นอย่างผิดปกติ

แต่มันไม่ได้ตรงตามลักษณะจะไม่ใช้และจะไม่มีความขลังและสำหรับใครที่ได้มีฟันอยู่แบบนี้จะคงทนต่ออาวุธทั้งปวงก็คือมหาอุตม์นั่นเองฟันที่อยู่ด้านบนเพดาลปากนี้มันจะขึ้นเองโดยตามทำชาติเมื่อมันได้ขึ้นมาแล้วจะไม่ผุไม่กร่อนเหมือนอย่างกับฟันซี่อื่นๆและจะมีความคงทนและจะยังได้อยู่กับเจ้าของนั้นไปตลอดแต่หากว่าอย่าไปบอกใครล่ะเพราะมันจะเป็นอันตรายต่อตัวเองเพราะใครที่มีฟันเหล่านนี้นั้นอาจจะถูกทำร้ายก็ได้และจะถูกยึดนำเอาฟันเหล่านี้เอาไปทำเป็นของขังได้

ช้องหมูป่า

ช้องหมูป่ามีเรื่องเล่าและที่มาแบบแปลกๆที่จะดูแตกต่างกันออกไปบ้างก็จะมีความเชื่อว่าช้องของหมูป่านั้นมันได้เป็นเส้นขนพิเศษของหมูป่าที่มันได้ขึ้นอยู่ตามบริเวณตัวของหมูป่าโดยเฉพาะมันจะขึ้นที่บริเวณที่หัวหรือในระหว่างคิวของมันและมันจะมีความยาวเป็นพิเศษโดยเฉพาะหมูโทน ซึ่งจะหมายถึงในหมูตัวผู้ที่มันจะชอบหาอาหารกินอยู่ตัวเดียว

มันจะมีขนเหนือสันหลังขึ้นมาถึงโหนกคอและได้มีความยาวเป็นพิเศษเหมือนหางเปียย้อยลงมาที่ตรงหน้าผากยาวลงมาจนถึงที่ปากของมันหมูป่านั้นมันจะคาบช้องของมันเอาไว้อยู่ตลอดเวลาโดยมันจะพันเอาไว้กับเขี้ยวและในส่วนอีกตำนานหนึ่งในเชื่อกันว่าช้องหมูป่านั้นได้เป็นขนที่ได้ขึ้นอยู่ที่บริเวณลูกอัณฑะของหมูป่าหรืออาจเรียกว่าขนเพชรของหมูป่ามันก็น่าจะเป็นไปได้จะเป็นขนลักษณะพิเศษเมื่อได้เกิดขึ้นมาแล้วหมูป่าโทนที่ชอบออกหากินตัวเดียวไม่เกงกลัว

ใครจะใช้ปากและฟันเลียและกัดขนของมันมาไว้ในปากตวัดและเคี้ยวด้วยน้ำลายจนขนรวมตัวกันเป็นวงกลมหมูจะรักษาขนนี้เอาไว้ตลอดเวลาไม่ว่าจะกินอะไรมันก็จะซ่อนเอาไว้ในปากอย่างประหลาดและหมูตัวนั้นก็จะเป็นมหาอุตม์อยู่ตลอดเวลาจึงไม่มีใครที่จะเอามันมาได้เลยดังนั้นนักล่าทางไสยศาสตร์จึงต้องติดตามตัวหมู่ตัวที่ต้องการรอจนมันกินน้ำในตอนมันกินน้ำนี่เองมันก็จะคายขนหรือช้องหมูป่าออกมา