ตำนานโสกผีดิบ จังหวัดขอนแก่น

          วันนี้เราจะมาพูดถึงตำนานที่มีการเล่ากันกันมาจากปากต่อปาก จากรุ่นต่อรุ่น ถึงสถานทีท่องเที่ยวที่หนึ่งที่ถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดขอนแก่นได้เป็นอย่างดี ผู้คนไทยคนไทยและคนฝรั่งอยากที่จะมาถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกกันสักครั้ง โดยที่ ณ  ตำบล โสกนกเต็น  อำเภอพล  จังหวัดขอนแก่น

ที่นั่นมีสถานที่ท่องเที่ยวแนวธรณีวิทยา สถานที่ท่องเที่ยวที่เกิดมาเองโดยธรรมชาติซึ่งเกิดมาจากการที่ถูกน้ำกัดเซาะเป็นทาง มาตั้งแต่สมัยโบราณเชื่อกันว่ามีมาตั้งแต่เมื่อประมาณ 65 ล้านปีก่อน ลักษณะของพื้นที่ที่ถูกน้ำกัดเซาะนั้นปกติแล้วชาวบ้านมักจะเรียกสถานที่แบบนี้ว่าโศกกันเท่านั้น

แต่สำหรับที่บริเวณนี้ชาวบ้านกับมีการตั้งชื่อแตกต่างออกไปนั่นก็คือชาวบ้านเรียกที่นี่ว่าโสกผีดิบ สาเหตุที่ทำให้ชาวบ้านต้องตั้งชื่อบริเวณนี้ว่าโสเภณีผิดนั้นก็เพราะว่า เมื่อประมาณปี  พ.ศ. 2480 ที่นี่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นเมื่อมีโรคห่าระบาดทำให้ผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณนี้

พากันเจ็บป่วยล้มตายเป็นจำนวนไม่น้อย จากมีจำนวนผู้ที่ติดเชื้อห่านั้นเป็นจำนวนมากชาวบ้านไม่สามารถที่จะจัดพิธีศพคนในหมู่บ้านได้ทันดังนั้นพวกเขาจึงได้ขนศพเหล่านั้นมาไว้ที่บริเวณโสกนี้ ซึ่งสาเหตุนี้เองที่มีการนำศพคนตายมาไว้ที่โสกจึงทำให้ชาวบ้านเรียกจากโสกธรรมดามากลายเป็นโสกผีดิบนั่นเอง

ปัจจุบันที่นี่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของจังหวัดขอนแก่นอีกที่หนึ่งที่นักท่องเที่ยวมักจะมาชมความงดงามของหินเด่นที่สวยงามแปลกตาโดยที่นี่มักจะมีทั้งนักท่องเที่ยวและชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางมาท่องเที่ยวไม่ขาดสายสำหรับที่นี่จะเป็นกำแพงตะกอนหินทรายซึ่งพอถูกน้ำกัดเซาะแล้วจะกลายเป็นรูปร่างต่างๆที่มีความสวยงาม

ดังนั้นนักธรณีวิทยาจึงได้มีการดูแลที่นี่ไว้เพื่อให้เอาไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษาหาความรู้ สำหรับสถานที่แห่งนี้จะมีหินดินทรายหลายอย่างปะปนกันไปไม่ว่าจะเป็นหินตะกอนหรือหินทรายแป้งหินโคนสีแดงปนสีน้ำตาลหรือแม้แต่หินทรายเนื้อละเอียดเห็นเหล่านี้

จะมีการวางตัวทับซ้อนกันเรียงกันทำให้หลายคนมองว่าคล้ายๆกับแพะเมืองผีที่มีชื่อเสียงโด่งดังของจังหวัดแพร่นั้นเองที่นี่ถือได้ว่าเป็นแลนด์มาร์คของจังหวัดขอนแก่นเลยก็ว่าได้หากใครเดินทางมาเที่ยวที่จังหวัดขอนแก่นก็จะต้องมาเช็คอินที่นี่ที่นี่เป็นตำนานที่มีอายุเล่าขานกันมาหลายร้อยปีแล้ว

      อย่างไรก็ดี ตำนานโสกผีดิบนี้ก็ไม่เคยมีใครเล่าเกี่ยวกับเรื่องของการเจอผีของชาวบ้านที่เสียชีวิตจากโรคห่ากันเลย

 

สนับสนุนโดย  sagame ทดลอง

ตำนานวิญญาณเฮี้ยน เรือล่มหน้าวัดสนามไชย

          คิดว่าหลายคนคงเคยจำกันดีว่าเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2559   เคยมีเหตุการณ์ที่น่าเศร้าสลดใจเกิดขึ้นซึ่งเป็นข่าวโด่งดังไปหลายวัน เนื่องจากเมื่อวันที่ 18 เดือนกันยายน ในปีดังกล่าวนั้น ได้มีเหตุการณ์เรือของนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวเกิดเรือล่มกลางน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา 

ซึ่งบริเวณที่เรือล่มนั้นตรงกับบริเวณท่าน้ำของวัดสนามไชย จังหวัดพระนครศรีอยุธยานั่นเอง  และจากเหตุการณ์ที่น่าเศร้าสลดเกิดขึ้นในครั้งนั้น จากที่มีเหตุการณ์เรือนักท่องเที่ยวมาพลิกคว่ำที่บริเวณท่าน้ำหน้าวัด ทำให้ พบว่ามีผู้ที่เสียชีวิตไปทั้งสิ้นมากกว่า 28 คน

และเมื่อเหตุการณ์เรือคว่ำได้ไม่นานชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น ต่างก็มีการพูดกันถึงเรื่องที่พวกเขานั้นมีการถ่ายรูปภาพติดวิญญาณกันมากมาย  นอกจากนี้นักข่าวที่มาทำข่าวต่างก็เคยถ่ายภาพถ่ายติดวิญญาณกันด้วย 

ซึ่งส่วนใหญ่จะมีรูปภาพมาเป็นหลักฐานอ้างอิงด้วยและคนงานที่เฝ้าซากเรือที่มาพลิกคว่ำที่หน้าวัดสนามไชยต่างก็บอกว่าจะมีกลิ่นของซากศพลอยออกมาจากซากเรือที่คว่ำซึ่งกลิ่นดังกล่าวนั้น มันมาจากบริเวณใต้ท้องเรือซึ่งได้มีการเข้าไปหาแล้วก็ไม่พบกับศพคนตายแต่อย่างใด  จึงทำให้เรื่องราวความเฮี้ยนของผีที่ท่าน้ำวัดสนามไชย เป็นข่าวโด่งดังใหญ่โต

จนเกิดเป็นตำนานที่เล่าขานต่อต่อกันมา  และถึงแม้จะมีคนเล่าเกี่ยวกับการเห็นผีที่ท่าน้ำวัดสนามไชยกันอยู่บ่อยครั้ง แต่เอาเข้าจริงจริงก็ไม่เคยมีใครออกมายืนยันได้เลยว่าเห็นกับตัวเองจริงจริง มีแต่การถ่ายภาพติดวิญญาณในช่วงที่มีเหตุการณ์เรือนักท่องเที่ยวล่มในช่วงแรกแรกเท่านั้นเอง ซึ่งหากเราสันนิฐานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากในความเป็นจริงก็คือ

การที่เราได้กลิ่นไม้เห็นเหมือนกับศพนั้น  มันจะมีไม้บางชนิดที่เรานำมาแช่น้ำไว้เป็นเวลานานแล้วจะมีกลิ่นคล้ายกับซากศพ ซึ่งก็น่าจะสันนิฐานได้ว่ากลิ่นที่โชยออกมานั้น เป็นกลิ่นของไม้ชนิดดังกล่าวนั่นเอง และในส่วนของรูปถ่ายที่ติดวิญญาณที่กำลังแอบมองนั้น

ก็สามารถสันนิฐานได้ว่าน่าจะเป็นชาวบ้านที่อยู่แถวที่เกิดเหตุพากันมาแอบมองตอนที่มีนักข่าวมาทำข่าวนั้นเอง ซึ่งไม่ได้เกิดจากภาพวิญญาณของผีแต่อย่างใดเลย ดังนั้นเราอาจกล่าวได้ว่า บางครั้งตำนานก็คือเรื่องเล่าซึ่งอาจจะไม่เคยมีอยู่จริงและไม่เคยเกิดขึ้นจริงเลยก็ได้ แต่ตำนานที่เล่าต่อต่อกันมานี้เอง ก็ทำให้เรารู้ถึงประวัติที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีตได้ว่าที่บริเวณแห่งนี้เคยมีเหตุการณ์อะไรขึ้นมาบ้าง นั่นเอง 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  เว็บพนัน csgo

ตำนานผีในมหาวิทยาลัยรังสิตตรงที่จอดรถตึก 10

            กลับมหาวิทยาลัยรังสิตบอกเลยว่าตำนานผีมีเยอะมากไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำหญิงที่ตึก 5 หรือแม้แต่ผีที่ตึก 3 ห้อง 508 รวมถึงยังมีผีที่ลิฟท์ตึกสามอีกต่างหากสำหรับ ตำนานผีในมหาวิทยาลัยรังสิตนั้นมีเรื่องเล่าขานต่อๆกันมา

ซึ่งเรื่องที่จะเล่าเรื่องต่อไปนี้เกิดขึ้นที่อาคารจอดรถของตึก 10 โดยผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นมีหลายคนต่างก็เล่าลือเป็นเสียงเดียวกันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงกับนักศึกษามหาวิทยาลัยเมื่อพวกเขากำลังทำโปรเจคเพื่อส่งอาจารย์เพื่อที่จะได้จบการศึกษาด้วย Project

ที่ว่านี้เป็นการถ่ายทำภาพยนตร์สั้นเป็นงานชิ้นนี้เป็นงานกลุ่มที่นักศึกษาคณะภาพยนตร์ต่างก็ร่วมแรงร่วมใจกันในการถ่ายทำโดยในวันที่เกิดเหตุนั้นเป็นการถ่ายทำในช่วงกลางคืนเนื่องจากว่าละครสั้นที่ทางนักศึกษาช่วยกันทำนั้นเป็นละครเกี่ยวกับผีโดยมีฉากถ่ายทำไว้บนตึกที่ลานจอดรถชั้น 1 ซึ่งขนาดที่กำลังมีการถ่ายทำกันอยู่นั่นเอง

นักศึกษาที่รับหน้าที่เป็นผู้กำกับการถ่ายภาพยนตร์ก็ได้มีการตะโกนออกไปเนื่องจากว่าปรากฏมีร่างของนักศึกษาคนหนึ่งกำลังยืนขวางบริเวณหน้าเฟรมส่งที่นักแสดงกำลังแสดงกันอยู่ทำให้นักศึกษาคนที่เป็นผู้กำกับไม่พอใจจึงโดนต่อว่าให้หลบไปแต่ไม่ว่าจะตะโกนเท่าไหร่นักศึกษาคนที่ยืนขวางเฟรมอยู่ก็ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนและไม่สนใจอย่างใด

ซึ่งหลายคนก็พากันตะโกนให้นักศึกษาคนนั้นจบไปแต่เขาก็ยังยืนอยู่ที่เดิมจนในที่สุดคนที่เป็นผู้กำกับอดทนทนไม่ไหวจึงได้เดินไปหานักศึกษาที่ยืนขวางเฟรมคนดังกล่าวและเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อผู้กำกับเดินไปถึงนักศึกษาคนที่ยืนขวางอยู่นั้นก็หันมายิ้มให้กับผู้กำกับหลังจากที่เขายิ้มเสร็จเรียบร้อยแล้วเขากระโดดจากตึกของลานจอดรถทันทีทุกคนต่างก็พากันตกใจเป็นอย่างมากรีบวิ่งลงไปดูที่บริเวณด้านล่างพร้อมครั้งเรียกกู้ภัยให้มาช่วยดู

แต่ปรากฏว่าเมื่อลงมาถึงชั้นล่างกับไม่พบใครเลยสร้างความประหลาดใจและความหวาดกลัวให้กับนักศึกษาทุกคนที่กำลังถ่ายทำภาพยนตร์กันในวันนั้นเป็นอย่างมากจนเรื่องนี้ได้มีการพูดกันปากต่อปากถึงความน่ากลัวของอาคารจอดรถชั้นดังกล่าวจนปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีใครกล้าที่จะไปจอดรถคันนั้นเลย

ตำนานความน่ากลัวของผียังคงมีอยู่ให้นักศึกษารุ่นต่อรุ่นเราสู้ต่อๆกันมาซึ่งถึงแม้จะมีความน่ากลัวมากแค่ไหนแต่นักศึกษามหาวิทยาลัย ก็ยังคงมาใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยกันตามปกติตอนนี้ปัจจุบันนี้หลายคนไม่เห็นวิญญาณที่เคยเกิดขึ้นตามที่เคยเล่าขานกันแล้วเจอว่าเรื่องนี้คงนานมาแล้วจนวิญญาณเหล่านั้นพากันไปเกิดหมดแล้ว

 

ขอบคุณ  sagame คาสิโนออนไลน์  ที่ให้การสนับสนุน

การขุดค้นทองคำญี่ปุ่นในปี2538 ที่ถ้ำจันเดย์

สำหรับวันนี้เราจะมาพูดถึงทองคำของทหารญี่ปุ่นที่ได้นำเอาเข้ามาฝังดินเอาไว้อยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี และวันนี้เราก็จะมาพูดเรื่องของทองคำที่มันได้มีการคาดเดาเพราะในตั้งแต่ในอดีตจนมาถึงสงครามโลกและจนมันได้มาถึงในช่วงที่เขาได้มีการพูดถึงกันมันก็ยังไม่เคยมีใครที่ได้ค้นพบทองคำแท่งเหล่านั้นเลย

แต่อยู่ดีๆวันหนึ่งในปี2535 ได้มีข่าวที่ทำให้คนชาวไทยต้องตกตะลึ่งกันทั้งประเทศเพราะว่าข่าวนี้มันได้เป็นข่าวที่ได้มีชาวบ้านขุดค้นพบทองคำแท่นหนักกว่า20กิโลกรัมได้ที่ อําเภอทองผาภูมิ กาญจนบุรี ซึ่งในจุดนี้เลยทำให้คนเริ่มคิดแล้วว่าเรื่องของตำนานสมบัติของคนญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่2

มันอาจจะไม่ใช่เรื่องเล่าปรัมปราแต่มันอาจจะเป็นเรื่องจริงและมันอาจจะมีขุมทองมากกว่าที่ชาวบ้านเจอเพียงแท่งเดียวก็เป็นได้และข้อมูลมันยังไม่หมดแต่เพียงเท่านั้นตามสักนักข่าวที่ได้มีการจดบันทึกข้อมูลเอาไว้เขาก็ยังได้บอกเอาไว้ว่า เมื่อวันที่18ธันวาคม ในปี 2538

ได้มีข่าวการขุดค้นพบทางรถไฟยาวประมาณ15เมตรที่มันได้อยู่ลึกลงไปจากผิวดินประมาณ6เมตรในพื้นที่ของบริเวณที่ได้มีการขุดค้นพบทองของชาวบ้าน ซึ่งจากการขุดค้นพบในครั้งนี้เส้นทางรถไฟที่เขาได้มีการขุดมันก็ได้ชี้ไปทางเข้าของถ้ำเขาจันเดย์เขาเลยคาดการณ์กันว่า ถ้ำจันเดย์ในจังหวัดกาญจนบุรีมันอาจจะเป็นถ้ำที่มีขุมทองอยู่ก็เป็นได้

ซึ่งตรงนี้หากใครได้เข้าไปหาข้อมูลกันดีๆก็จะรู้ว่านี่มันได้เป็นว่าระแห่งชาติที่ทำให้คนใหญ่คนโตข้าราชการรวมไปถึงรัฐมนตรีในยุคนั้นต้องเข้ามาลงในพื้นที่และสั่งการทำการขุดเจาะกันอย่างจริงจังและทำให้คนไทยได้หันกันมาสนใจกับข่าวนี้กันมากขึ้นสุดท้ายผลที่ตอบกลับมามันได้ผิดหวังกันอย่างที่คิดเอาไว้เพราะหลังจากที่ได้มีการขุดเจาะกันไปเรื่อยๆ

ปรากฎว่าขุดไปแล้วลึกแล้วมันก็ไม่พบเจออะไรเจอแต่เพียงหน้าดินหินและทรายเพียงเท่านั้นเองและหลังจากการผิดหวังในครั้งนี้มันก็ได้ถูกตีแผ่ออกไปเรื่อยๆเรื่องของขุมทองในสมัยสงครามโลกครั้งที่2ของคนชาวญี่ปุ่นก็ได้ถูกลืมและมันก็ได้จางหายไปเรื่อยๆ

จากความสนใจของประชาชนและจนมาถึงในปี2544อยู่ดีๆก็ได้มีข้าราชการชั้นสูงคนหนึ่งที่เขาได้อยู่ในทีมขุดเจาะในปี2538เขาก็ยังได้ออกมาอ้างต่อสื่ออีกว่าเขานั้นได้เจอหลักฐานมาอย่างที่ยืนยันการมีอยู่ของสมบัติชาวญี่ปุ่นอย่างชัดเจนและได้ระบุว่าขุมทองเหล่านั้นมันไม่ได้อยู่ในถ้ำจันเดย์แต่มันได้อยู่ภายในถ้ำที่มันได้อยู่ในพื้นที่บริเวณที่ไกลๆกันนั่นก็คือถ้ำลิเจียนี่เอง

 

ได้รับการสนับสนุนมาจาก  บา คา ร่า sagame

เรื่องเล่าสยองขวัญเพื่อนกลับมาที่ห้องหลังจากตายไปแล้ว 

ฉันมีเพื่อนอยู่กลุ่มหนึ่งซึ่งเราทุกคนเป็นผู้ชายมีเพียงแค่ฉันคนเดียวเท่านั้นที่เป็นผู้หญิงแต่ก็เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันตอนนั้นเพื่อนของเราคนหนึ่งรอเขาใช้ชื่อว่ากุ้งก็แล้วกันตอนนั้นกุ้งออกไปซื้อของให้กับห้องของเราซื้อของให้เพื่อนๆเช่นพวกขนมของกินมันจากนั้นกุ้งก็ออกไปนานมาก

ซึ่งเขาก็ไม่กลับมาสักทีผ่านไป 2 ชั่วโมงก็ยังไม่กลับมาทุกคนเลยเลือกที่จะขี่มอเตอร์ไซค์ไปตามหากุ้งกันออกไปได้สักพักก็พบศพของกุ้งนอนตายอยู่ตรงทางโค้งซึ่งหลังจากนั้นก็ไปแจ้งตำรวจและเราก็ได้ การเผาศพและทำพิธีกรรมกับทางครอบครัวของกุ้งเรียบร้อยแล้ว

ซึ่งหลังจากนั้น 1 อาทิตย์ผ่านไปพวกเราก็ยังไม่หายกลัวเรื่องราวเพราะว่าภาพนั้นเป็นภาพที่ติดตามพวกเรามากพวกเราก็นอนไม่หลับวันนี้พวกเราเลยคิดจะมานั่งล้อมวงคุยกัน ซึ่งตอนนั้นทุกคนก็คุยกันคุยกันไปคุยกันมาอยู่ๆก็จะมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็นจังหวะจังหวะซึ่งทุกคนก็พากันหยุดคุยกันทีหลังจากนั้นก็รอสักพักนึงแต่ก็ยังมีเสียงเคาะอยู่แต่ไม่มีใครเลยพี่จะลุกขึ้นไปเปิดประตูเอา

แต่นั่งเงียบกันอยู่อย่างนั้นจะอยู่เสียงเคาะก็หายไปหลังจากนั้นก็มีเสียงเคาะขึ้นมาใหม่อีกครั้งซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของรุ่นพี่ที่ได้เสียชีวิตไปซึ่งเขาร้องว่ามาแล้วมาแล้วเปิดประตูสิซื้อของมาแล้วทุกคนถึงกับแทบช็อคจนแทบจะเป็นลมเนื่องจากเสียงนั้นคือเสียงของรุ่นพี่ทีป ชีวิตไปเมื่อ 1 อาทิตย์ที่แล้วนี่เอง คนในหอนั้นโดนกันหมดเลยเพิ่งมาถึงตาของหอเราเราก็เป็นเหมือนกัน

ได้ยินเสียงเรียกแบบนั้นเช่นเดียวกันเพื่อนเราคนนึงที่เป็นคนที่สนิทที่สุดกับคนที่เสียชีวิตก็บอกว่าจะตายแล้วนะไปเถอะเดี๋ยวฉันทำบุญไปให้ไปสักทีซึ่งหลังจากนั้นก็มีเสียงหมาหอนเสียงดังพร้อมกับเสียงกรีดร้องอย่างทรมานและเสียงก็หายไปซึ่งนั่นทำให้ทุกคนสนใจจะนอนกันไหมล่ะทุกคนในหอพากันตาตื่นไม่หลับเช้าวันต่อมาทุกคนต่างก็ตาเป็นแพนด้าเดินเข้ามาจับกลุ่มคุยกันทั้งหอพูดถึงเรื่องที่เกิด

ซึ่งทุกคนก็รู้ว่ารุ่นพี่นั้นมาคุยกับพวกเขาจริงๆนั่นทำให้มีนักเรียนคนหนึ่งที่เป็นคนที่กลัวผีมากๆถึงกับเข้าโรงพยาบาลจิตเวชเลย หลังจากนั้นทุกๆคืนก็จะมีเสียงคนเคาะประตูในห้องของคนที่เสียชีวิตขยับไปมาเองนะตอนกลางคืนก็มีเสียงอาบน้ำจนสุดท้ายเพื่อนของเราก็ทำการทำบุญครั้งใหญ่ทั้งมหาลัยพากันทำบุญครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาให้กับคนที่เสียชีวิตเพื่อที่เขาจะไม่ได้มาหลอกหลอนอีกและสุดท้ายเรื่องราวก็ค่อยๆเงียบไป

 

สนับสนุนโดย  bk8

ทำไมมีประชากรอาศัยอยู่ขั้วโลกเหนือมากกว่าขั้วโลกใต้

สำหรับขั้วโลกใต้นั้นจะมีการเริ่มฤดูร้อนในช่วงเดือนธันวาคมยาวนานประมาณ5เดือนและจากนั้นจะเข้าสู่กลางคืนที่มีความยาวนานประมาณถึง5เดือนกันเลยทีเดียว ถิ่นที่อยู่อาศัย

เนื่องจากว่าขั้วโลกเหนือนั้นมันได้เป็นเขตแดนของหลายประเทศและมันก็ได้ทำให้ดินแดนที่มีความหนาวเย็นแห่งนี้มันก็ได้มีผู้คนที่ได้อาศัยอยู่หลากหลายอยู่แถวนี้ โดยเฉพาะคนพื้นเมืองได้แก่ชาวเอสกิโมจากทวีปอเมริกาเหนือชาวซามิจากทวีปอเมริกายุโรปและชาวยาครุสจากไซบีเรีย

ซึ่งชนชั้นเมืองเหล่านี้ก็ได้เข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนี้มาอย่างยาวนาน ซึ่งก็ได้มีประชากรที่ได้อาศัยอยู่ที่ขั้วโลกเหนือย่างถาวรประมาณ4ล้านคน สำหรับขั้วโลกใต้นั้น เนื่องจากว่าได้มีอากาศที่หนาวเย็นสุดโหดและยากต่อการดำรงชีวิตมันจึงไม่มีกลุ่มคนชนพื้นเมืองใดๆที่จะเข้ามาอยู่อาศัยเลย นอกจากนักวิทยาศษสตร์ประมาณ1,000-1,5000คนที่ได้ประจำการที่อยู่ในฐานปฏิบัติการเพื่อการวิจัยทั่วทั้งทวีปและดูแลนักท่องเที่ยวที่ได้เข้ามาท่องเที่ยว

ในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น สำหรับสัตว์พื้นถิ่นในขั้วโลกเหนือมันก็ได้เป็นสถานที่ที่ได้มีสัตว์นานาชนิดอย่างเช่น กวางเรนเดียร์วัวมัสค์กระต่ายอาร์กติกสุนัขจิ้งจอกอาร์กติกและหมีขั้วโลกการที่ขั้วโลกเหนือนั้นได้มีสัตว์นานาชนิดได้อาศัยอยู่ เนื่องมาจากทวีปอาร์กติกได้มีพื้นที่ที่มันเป็นส่วนหนึ่งของทวีปยุโรปทวีออเมริกาเหนือและทวีปเอเชีย

สำหรับสัตว์ต่างๆเหล่านี้มันจะอพยพมาจากทางตอนใต้ของขั้วโลกเหนือในช่วงฤดูหนาวและพวกมันก็จะอพยพเข้ามาในช่วงฤดูร้อน สำหรับขั้วโลกใต้นั้นมันก็ได้มีสัตว์ที่ได้เข้ามาอาศัยอยู่เป็นจำนวนน้อยมากซึ่งมันก็ได้เป็นที่อยู่ของแมลงเจ้าถิ่น

ซึ่งมันได้เป็นแมลงที่ไม่มีปีกขนาดเล็กที่มีความสามารถเก็บรักษาความอบอุ่นเอาไว้ในร่างกายได้นอกจากนี้มันก็ยังได้มีสัตว์อื่นๆอีกหลากหลายชนิดอย่างเช่นแมวน้ำและเพนกวินสุดน่ารักนัั่นเองสำหรับสภาพภูมิกาศถึงแม้ว่าขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้จะมีสภาพอากาศที่หนาวเย็นอย่างสุดขั้วแต่อันที่จริงแล้วสภาพอากาศของขั้วโลกใต้มีความหนาวกว่าขั้วโลกเหนือมาก

ซึ่งสาเหตุนั้นมันได้มาจากพื้นของขั้วโลกเหนือนั้นมันได้เป็นน้ำแข็งซึ่งมันก็ได้แข็งตัวมาจากน้ำทะเลที่มันได้มีความหนาของน้ำแข็งไม่มากนักและน้ำทะเลก็มีอุณหภูมิที่อุ่นกว่าสภาพอากาศและความอบอุ่นจากน้ำทะเลนั่นเอง

มันได้ถูกส่งเข้ามาทางน้ำแข็งมันจึงทำให้อุณหภูมิของขั่วโลกเหนือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณลบ43องศาเซลล์เซียนถึงลบ26องศาเซลล์เซียนในขณะที่ขั้วโลกใต้ก็ได้ชื่อว่าที่เป็นดินแดนที่มีากาศหนาวมากที่สุดของโลก

 

สนับสนุนโดย  ติดต่อ bk8

ความใฝฝันของ Christian

ความใฝฝันของ Christianที่อยากผลิตรถยนต์ที่มีคุณภาพเป็นของตัวเอง

ย้อนกลับไปเมื่อ48ปีที่แล้วที่สวีเดน ในวันที่ 2กรกฎาคม1972 ก็ได้มีเด็กน้อยที่ชื่อว่า Christian Erland Harald von Koenigsegg ก็ได้ลืมตามองโลกขึ้นมาพร้อมกับเพนชั่นที่มีอยู่เต็มตัวของเขา

หลายๆคนก็อาจจะคิดว่ามันก็คงจะเหมือนกับEnzo Ferrariหรือ Bruce McLaren ที่ฝันในวัยเด็กที่อยากจะไปนั่งหลังพวงมลัยรถแข่งเพื่อที่จะได้เป็นนักแข่งรถ แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่เพราะตัวของเขานั้นไม่ได้อยากที่จะเป็นนักแข่งรถแต่อย่างใดตัวของเขานั้น

ก็ได้ขยับขึ้นมาอีกหนึ่งสเต็ปเขาอยากที่จะเขารถเอาไว้เป็นของตัวเองและความฝันที่ใหญ่โตที่มันยากเกินกว่าที่เขานั้นจะทำได้ซึ่งตัวของเขานั้นก็ได้เริ่มต้นเพียงแค่อายุ5ขวบเท่านั้น Christianน้อยได้ไปดูหนังที่นอร์เวย์ที่มีชื่อว่าPinchcliffe Grand Prixมันได้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคนที่ซ่อมจักรยานยนต์ธรรมดาๆ

แต่สุดท้ายตัวของเขาเองนั้นก็ได้สร้างรถขึ้นมาได้อย่างสำเร็จและก็ชนะการแข่งขันฟอร์มูล่าวันและนี่มันก็ได้เป็นจุดประกายไฟที่ทำให้ Christianเขาก็ได้ตั้งประนิทานกับตัวเองว่าฉันจะต้องสร้างรถสปอร์ตให้สมบูรณ์มากที่สุดเท่าที่เคยมีมาให้ได้หลังจากที่ตัวของเขานั้นคิดได้พอเขานั้นได้มีอายุเพียง8ขวบก็ถือว่าโตขึ้นมาในอีกวัยหนึ่ง

จากนั้นตัวของเขาเองก็ได้โชว์การถอดรถมอไซค์ได้หมดทั้งคันพอเขาได้อายุ15ขวบจากนั้นเขาก็ได้เข้าไปทำงานไปเป็นเซลล์คนขายรถมอไซค์มือสองและด้วยครองครัวของ Christianนั้นเขาไม่ได้มีเงินทองมากมายมาตั้งแต่เกิดเขาจึงยอมทำทุกๆอย่างเพื่อเงินทุนที่มันจะทำให้ตัวของเขานั้นได้ไปเปิดบริษัทที่จะสร้างรถยนต์ขึ้น

มาเป็นของตัวเองแต่อีกหนึ่งสิ่งที่ Christianเขาได้เรียนรู้มาจากธุรกิจของครองครัวนั่นก็คือความรู้นอกห้องเรียนมันสำคัญกว่าในห้องเรียนเพราะหลายๆอย่างที่ตัวของเขานั้นได้ทำมาทั้งหมดมันหาเงินได้และมันก็ไม่ได้มีสอนในห้องเรียนมันจะต้องไปเรียนรู้ด้วยตัวเอง

จากโลกภายนอกเท่านั้นเมื่อปี1990เมื่อตัวเขาเองได้มีอายุ18ปีเขาก็ได้เริ่มนั่งคิดทบทวนกับตัวเองและดูมีความจริงจังเป็นอย่างมากเรื่องที่เขานั้นจะหาเงินจากที่ไหนมาสร้างรถยนต์ของเขาเริ่มจากชิบที่ผลิตเอามาแทนแผ่นซีดีแต่ก็ต้องถูกตัดไอเดียนี้เอาทิ้งไป

เพราะในยุคนั้นการแบกเครื่องเล่นซีดีมันแมนเดินฟังเพลงไปด้วยเปิดเพลงไปด้วยมันเท่จริงๆหากใครที่เกิดในยุค90แล้วคงจะเข้าใจดีและมันเท่เอามากๆเลยทีเดียวจากนั้นประมาณอีหหนึ่งปีในปี1991เขาก็ได้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่มาจากพ่อเลี้ยงที่เป็นโรงงานผลิตพื้นบ้านซึ่งในสมัยนั้นการที่จะแปะพื้นลงไปก็ต้องใช้ตะปูตอกลงไปให้สนิกกันเขาก้ได้คิดว่าจะใช้ตะปูตอกไปทำไมถ้าทำให้พื้นมันติดไปเลยมันน่าจะดีกว่า

 

สนับสนุนโดย  rb88 thai

ความลับของทะเลที่คุณไม่เคยรู้

ผมเชื่อว่าหลายคนนั้นรู้จักทะเลและรู้จักมหาสมุทรแต่ผมเชื่อว่าหลายคนได้เข้าใจผิดระหว่างกับระหว่างคำว่าทะเลกับคำว่ามหาสมุทรมาโดยลอด ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่ามันคืออันเดียวกันใช่หรือไม่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลยวันนี้  rb88  เราก็จะมาเล่าเป็นเรื่องกันเลยแต่มันจะมีอะไรบางนั้นมาดุกัน

ทะเล กับ มหาสมุทร

 จริงๆแล้วมันไม่ใช่อันเดียวกันหลายคนนั้นได้เชื่อมาตลอดเลยว่าความจริงแล้วมหาสมุทรกับทะเลมันคืออันเดียวกันความจริงแล้วมันไม่ใช่ ซึ่งทะเลนั้นมันได้เป็นส่วนหนึ่งของมหาสมุทรที่มันล้อมรอบไปด้วยแผ่นดิน ซึ่งตัวทะเลนั้นมันมีความลึกไม่เกิน1,000เมตร

รวมไปถึงกระแสงน้ำมันก็ไม่แรงจนเกินไปแต่สำหรับมหาสมุทรนั้นมันคืออีกหนึ่งพื้นที่ของทะเลส่วนหนึ่งเหมือนกันที่มันมีความกว้างใหญ่มากและมันก็มีความลึกมากและความลึกที่ว่านั้นขั้นต่ำเลย1,000เมตรหรือว่ามีความลึกหนึ่งกิโลเมตรเลยทีเดียว

ซึ่งแน่นอนว่ามหาสมุทรนั้นเป็นอีกหนึ่งที่ที่มีคลื่นและกระแสน้ำแรงมากมันมีความแรงถึงขั้นมีอันตรายเลยรวมไปถึงระดับน้ำในการขึ้นลงนั้นมันก้ไม่สมดุลกันเลยสักครั้งเดียวก็ว่าได้

ทำไมทะเลถึงมีรสชาติเค็ม

เชื่อเลนว่าหลายคนเมื่อได้ไปทะเลครั้งแรกหรือว่าได้ไปหลายๆครั้งก็ตามก็จะต้องชิมน้ำทะเลกันทุกครั้งใช่หรือไม่และมันเค็มมันจะเค็มยังไงและ เหตุผลแรกเลยที่บอกว่าน้ำทะเลมันเค็มมันเป็นเพราะว่ามันเกิดจากที่ฝนลงไปที่พื้นแผ่นดินและมันก็ได้เข้าไปล้างพวกเกลือและแร่ธาตุของเกลือทั้งหลายตามแม่น้ำ ซึ่งเขาได้เชื่อกันว่าตามแม่น้ำมัมนก็จะต้องเค็ม

แต่ว่ามันจะเค็มน้อยมากน้อยแบบที่ว่าเรานั้นไม่รับรู้ได้เลยว่ามันเค็มจนมันได้ไหลไปรวมกันที่ทะเลและ เมื่อมันได้ไหลมารวมกันพวกแร่ธาตุทั้งหลายมันก็ได้มารวมตัวกันจึงทำให้น้ำมันมีความเค็มขึ้นมานั่นเอง สอง มันเกิดมาจากเปลือกโลกเขาได้เชื่อกันว่าในใต้ท้องทะเล

และมหาสมุทรว่ามันอาจจะมีรอยแยกอยู่ ซึ่งในรอยแยกอันนี้ก็เปรียบดังภูเขาไฟที่อยู่ใต้ทะเลที่มันมีความร้อนอย่างมากและเมื่อได้มีน้ำได้เข้าไปที่รอยแยกแห่งนี้มันก็ได้ไปเจอความร้อนเมื่อมันได้เจอความร้อนมันก็ได้ทำประติกิริยากับภูเขาไฟที่มันได้อยู่ใต้ท้องทะเลจากนั้น

ความร้อนมันก็ได้ทำให้น้ำเหล่านี้ได้พุ่งออกมาและในระหว่างที่มันได้พุ่งออกมานั้นมันก็จะกวาดเอาธาตุหรือเกลือเอาออกมาทั้งหมดและนี่มันก็ได้เป็นอีกหนึ่งเหตุผลหนึ่งว่าทำไมน้ำทะเลมันถึงได้เค็ม

น้ำแข็งกลายเป็นเส้นใย

น้ำแข็งกลายเป็นเส้นใยนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเกิดจากการติดเชื้อในสภาพอากาศ

พระอาทิตย์สีดำ

ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นพระอาทิตย์สีดำแต่สิ่งนี้มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับพระอาทิตย์เลยจริงๆซึ่งมันได้เป็นเพียงแค่ฉายาเท่านั้นมันจะชอบเกิดขึ้นมาเองโดยตามธรรมชาติทุกๆปีในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงที่เดนมาร์กโดยมันได้เป็นปรากฏการณ์ของฝูงนกสตาลินหลายล้านตัว

ซึ่งมันได้หากันบินอพยพเพื่อย้ายถิ่นซึ่งถ้าหากว่าพวกมันได้บินไปที่ไหนกันในแต่ล่ะทีมันก็จะทำให้บนท้องฟ้านั้นได้มืดครึ้มจนทำให้พวกมันบินไปบังกับแสงพระอาทิตย์จนได้ทำให้มันได้กลายเป็นสีดำที่บนท้องฟ้ายังไงล่ะแต่ถึงอย่างไร

ก็ตามเราก็ไม่อาจที่จะมองเห็นหรือว่าพบเห็นมันได้ในทุกๆที่ซึ่งเหล่านกพวกนี้มันจะมาปรากฏตัวให้เห็นในเฉพาะบางพื้นที่เท่านั้นอย่างเช่นอุทยานแห่งชาติที่ประเทศเดนมาร์กซึ่งเราจะสามารถพบเห็นมันได้ในช่วงของเดือนสิงหาคมและยาวไปจนถึงประมาณสิ้นเดือนตุลาคม

หรือว่าเกือบๆจะสิ้นปีกกันเลยทีเดียวอีกทั้งยังมีในช่วงระหว่างเดือนมีนาคมรวมไปถึงประมาณเดือนเมษายนของในทุกๆปีต้องบอกเลยว่าในการแสดงแบบนี้ซึ่งมันก็จะได้มีให้เห็นอยู่ประมาณแค่เพียง20นาทีเท่านั้นซึ่งมันจะมีให้เห็นในช่วงยามเย็นหรือว่าในช่วงของพระอาทิตย์ที่มันไกลจะตกดินและลักษณะของการบินของเจ้านก

พวกนี้มันก็จะบินแสดงสัญลักษณ์ให้มันได้เป็นรูปร่างต่างๆเพื่อลวงตาและยังได้ป้องกันศัตรูสำหรับผู้ที่ได้รับชมอย่างพวกเราแล้วก็อาจจะคิดได้ว่าพวกมันนั้นกำลังเต้นรำกันอยู่ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ด้านบนท้องฟ้านั้นได้มืดมิดไปหน่อยแต่ก็ต้องของบอกเลยว่ามันได้มีความสวยที่มันทำให้คุณนั้นได้ประทับใจอย่างไม่น้อยเลยทีเดียว

ใยน้ำแข็ง

โดยปกติแล้วน้ำแข็งนั้นมันจะมีลักษณะที่เป็นก้อนหรือไม่มันก็จะเป็นปุ๋ยที่ดูคล้ายเหมือนกันหิมะแต่พวกเราจะรู้กันหรือไม่ว่าน้ำแข็งนั้นมันก็ยังได้มีในรูปแบบอื่นๆอีกด้วยซึ่งมันก้ได้เป็นปรากฏการณ์ที่มันได้ทำให้เหล่าน้ำแข็งนั้นได้แปรงร่างที่มันได้ทำให้น้ำแข็งนั้นได้มีน่าตาที่ดูเป็นเส้นใยดูคล้ายเหมือนกันเส้นผมที่มันได้งอกออกมาจากภายในต้นไม้

และถ้าหากว่าใครไม่รู้มาก่อนแล้วก้อาจจะคิดว่ามีใครทำขนมสายไหมสีขาวเอาไว้ในปากก็ได้อีกด้วยซึ่งการที่น้ำแข็งนั้นมันได้แปลงสภาพอออกมาเป็นรูปสภาพแบบนี้มันก็ได้ทำให้นักวิทยาศาสตร์ได้คาดเดาเอาว่ามันอาจจะเกิดขึ้นมาจากเชื้อราชนิดหนึ่งที่มันได้บังคับรูปร่างของน้ำแข็ง

ที่มันได้มาเกาะอยู่บบนไม้ให้มันดูมีลักษณะเป็นเส้นใยนุ่มรวมไปถึงรักษารูปร่างแบบนี้เอาไว้ได้หลายชั่วโมงในสภาพอุณหภูมิเกือบ0องศาเซลเซียสได้เป็นอย่างดี

 

ขอขอบคุณ  bk8 thai  ที่ให้การสนับสนุน