ตำนานรถถัง ผู้หมวดออตโต้ คาริอุส ยิงเครื่องบินตกถึง3ลำ

โดยการโจมตีไปทั้งสองระลอกพลปืนของรถถังที่ก็บอกว่าผู้หมวดผมไม่ไหวแล้วเราจะต้องโจมตีเครื่องบินเหล่านั้นกลับบ้างแต่เมืองรู้ว่าปืนกลนั้นมันใช้ไม่ได้ผลใช่ไหมเขา ตำนานรถถัง ผู้หมวดออตโต้ ก็เลยได้เสนอว่าเราใช้ปืนหลักของเรายิงใช่เครื่องบินไปเลย ซึ่งในตอนนั้นกระสุนของรถถังปืนใหญ่ของไทเกอร์มันก็มีเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้น

แบ่งเป็นหลักๆคือระเบิดที่เอาโจมตีพวกทหารราบหรือไม่ก็พวกสิ่งก่อสร้างแต่ด้วยความที่ว่าสถานการณ์ของพวกเขาในตอนนั้นมันแย่เอามากๆ

มันเหมือนกับรอความตายเลยจึงทำให้ทุกคนที่อยู่ในรถถังทำเอาเครียดกันไปหมดผู้หมวดออตโต้ คาริอุส จึงได้อนุญาตให้พลปืนลองใช้ปืนใหญ่ป้อมรถถังยิงเครื่องบินดูได้

จากนั้นก็ไม่รอช้าพลลบรรจุกระสุนได้ทำการบรรจุกระสุนเข้าไปหนึ่งนัดจากนั้นได้ทำการเล็งเครื่องบินที่กำลังพุ่งเข้ามาหาพวกเขาแล้วได้ทำการยิงออกไปกระสุนนัดแรกก็ได้ทยานขึ้นสู่อากาศไปแบบที่รถถังไทเกอร์คันไหนไม่เคยทำกันมาก่อนเลยแต่กระสุนนัดนั้น

เพราะว่าระยะห่างของเครื่องบินมันยังมากไปอยู่พวกเขาจึงได้เร่งบรรจุกระสุนนัดที่สองคราวนี้ก็รอให้เครื่องบินได้บินเข้ามาใกล้มากกว่านี้เมื่อได้สัญญาณของผู้หมวดออตโต้ คาริอุสก็ได้สั่งยิงกระสุนนัดที่สองออกไปนัดนี้ด้วยปาฏิหาริย์หรือว่าโชคช่วยอะไรไม่รู้กระสุนมันไปโดนบินของเครื่องบิน RL2 เข้าให้และได้ทำให้เครื่องบินลำนั้นร่วงลงมาจากอากาศ

แต่มันยังไม่พอก่อนที่มันจะร่วงลงมามันได้เสียศูนย์และได้ไปชนกับเครื่องบินลำอื่นอีกสองลำเลยทำให้มีเครื่องบินที่ร่วงลงมาจากอากาศทั้งหมด3ลำด้วยกระสุนจากปืนใหญ่รถถังเพียง2นัดเท่านั้นเรียกได้ว่าก็มีผู้รู้เห็นเหตุการณ์เป็นทหารที่ประจำการอยู่ในหมวดของเขาก็ล้วนเห็นเหตุการณืกันทั้งนั้น

ซึ่งเขาก็ได้นำเอาเรื่องนี้มาเขียนลงไปในหนังสือที่เขาแต่งขึ้นหลังจากจบสงครามในหนังสือจะบอกว่ามีเครื่องบินที่ร่วงลงมาถึง3ลำถูกไหมแต่จริงๆแล้วนักประวัติศาสตร์หลายคนก็เชื่อว่ามีเครื่องบินเพียงลำเดียวเท่านั้นแต่อีกสองลำมันอาจจะชนกันเองท่าไหนไม่รู้

แต่เอาเป็นว่ามีเครื่องบินตกถึง3ลำแต่มีลำหนึ่งที่แน่ๆเลยที่ตกจากกระสุนของรถถังของ ผู้หมวดออตโต้ คาริอุส เรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งเรื่องเล่าหนึ่งในตำนานของสงครามโลกครั้งที่2มันยังมีเรื่องเต่างๆแบบนี้อีกมากมายเลยจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่บุคคลเลย

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  ทดลองเล่นบาคาร่า se

ตำนานพญาพาน ตำนานการสร้างองค์พระปฐมเจดีย์ 

       ตำนานพญาพาน  เป็นตำนานเก่าแก่ที่มีการเล่าขานกันเอาไว้ซึ่งตำนานนี้เป็นตำนานที่เกิดขึ้นของจังหวัดนครปฐมโดยตำนานนี้มีการกล่าวถึงเจ้าเมืองหนึ่งซึ่งชื่อเมืองศรีวิชัยซึ่งมีการปกครองภายใต้การดูแลของพระยากงโดยพระองค์นั้นมีลูกด้วยกัน 2 คน

และหนึ่งในสองคนนั้นก็คือพระยาพานั่นเองส่วนสาเหตุที่มีการตั้งชื่อว่าพระยาพานนั่นก็เพราะว่าตอนที่พระองค์เกิดนั้นนางรับใช้ได้นำพานมารองรับร่างของพระโอรสตอนที่เกิดใหม่ๆแล้วทำพานไปกระแทกที่บริเวณหน้าผากของพระโอรสจนเป็นแผลทำให้มีการตั้งชื่อตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

      อย่างไรก็ตามในช่วงที่พระยาพานเกิดใหม่ๆนั้นหมอหลวงได้ดูดวงให้กับพญาพานว่าแท้ที่จริงแล้วพญาพาฬนี้เป็นเด็กที่มีบุญญาธิการมาเกิดจะเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ในภายภาคหน้าแต่ว่าจะมีการทำสิ่งที่ไม่ดีหรือที่เรียกว่าจะทำการฆ่าพ่อของตนเอง

ทำให้พระยากงที่ได้รู้เรื่องที่หมอหลวงทำนายนั้นเกิดอาการหวาดกลัวจึงได้ให้ทหารนำพยาบาลซึ่งในขณะนั้นยังเป็นเด็กทารกอยู่ไปฆ่าทิ้งเสีย เมื่อทหารนำพญาพานซึ่งเป็นเด็กทารกเข้าไปในป่าก็เกิดการเห็นใจจึงไม่ได้ฆ่าให้ตายแต่นำไปวางทิ้งไว้แทน

     หลังจากที่ทหารกลับไปแล้วก็มีหญิงชราเป็นหญิงชาวบ้านคนหนึ่งมาพบกับพระยาพานจึงได้เก็บพระยาพานไปและได้มอบพระยาพานให้กับเพื่อนบ้านเนื่องจากว่าเพื่อนบ้านนั้นอยากจะมีลูกแต่ไม่มีลูกสักทีเธอจึงได้รับเลี้ยงพญาพานเป็นลูกและเฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูเป็นอย่างดีจนพยาพานนั้นเติบโตเป็นหนุ่มใหญ่ก็มีรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาหลังจากโตขึ้นพระยาพานก็ได้ขอแม่บุญธรรมของตนเองออกไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆจนเดินทางไปถึงเมืองสุโขทัย

       ซึ่งในขณะนั้นเองมีเหตุการณ์ที่มีช้างตกมันกำลังอาละวาดทำลายบ้านเมืองชาวเมืองสุโขทัยต่างก็ได้รับความเดือดร้อนทำให้พระยาพานได้เข้าไปช่วยเหลือด้วยการปราบช้างตกมันเมื่อเจ้าเมืองสุโขทัยเห็นความเก่งกาจสามารถของพญาพานจึงได้ขอรับเลี้ยงพระยาพานมาเป็นบุตรบุญธรรมเพื่อให้ปกครองเมืองหลังจากนั้นก็ได้มีการมอบหมายภารกิจให้ระยะทางไปทำนั่น

ก็คือการสั่งให้พระยาพานเป็นแม่ทัพใหญ่ นำกองกำลังทหารของเมืองสุโขทัยปีจอ เมืองศรีวิชัยซึ่งก็คือเมืองของพ่อของพญาพานนั่นเองแต่ด้วยคนทั้งคู่นั้นไม่รู้ว่าเป็นพ่อลูกกันจึงได้ทำการสู้รบกันและท้ายที่สุดแล้วพญาพานพอได้ฆ่าพญากงจนเสียชีวิต 

      ซึ่งก็ตรงกับตามคำทำนายของหมอหลวงนั่นเอง  อย่างไรก็ตามหลังจากที่ฆ่าพ่อตนเองตายแล้วพญาพาน ถึงได้รู้ความจริงว่าเมืองที่ตนเองมาตีนั้นคือเมืองของพ่อและแม่แต่ใช้ของตนเอง เมื่อเราความจริงจึงได้ถ่ายทอดด้วยการสร้างเจดีย์ขึ้นมาซึ่งในปัจจุบันก็คือองค์พระปฐมเจดีย์นั่นเอง

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  aesexy

ตำนานกุหลาบขาวกับกุหลาบแดง

          มี ตำนาน กุหลาบขาวกับกุหลาบแดง เกี่ยวกับเรื่องของดอกกุหลาบให้เราได้รู้กันมากมายหลายตำนานในขณะเดียวกันก็มีตำนานการพูดถึงดอกกุหลาบสีขาวและการพูดถึงดอกกุหลาบสีแดงเกิดขึ้นด้วยโดยหลายคนได้มีข้อสงสัยว่าดอกกุหลาบนั้นแท้ที่จริงแล้วดอกกุหลาบดอกแรกที่เกิดมายังโลกมนุษย์นั้นเป็นสีอะไรกันแน่ซึ่งบางคนก็ระบุว่าดอกกุหลาบดอกแรกของโลกนั้นน่าจะเป็นดอกสีขาวแต่ภายหลังถูกเปลี่ยนมาเป็นดอกสีแดง

          แต่บางคนก็บอกว่าดอกกุหลาบนั้นแท้ที่จริงแล้วเป็นดอกสีแดงมาตั้งแต่เริ่มต้นเพราะตำนานส่วนใหญ่ของการเกิดดอกกุหลาบนั้นจะพูดถึงดอกกุหลาบสีแดงซะเป็นส่วนใหญ่ดังนั้นวันนี้เราจะมาดูกันว่าตำนานเกี่ยวกับกุหลาบขาวกุหลาบแดงนั้นได้มีการเล่าขานว่าอย่างไรกันบ้าง     

         สำหรับตำนาน  กุหลาบขาวกับกุหลาบแดง แรกนั้นมีการพูดถึง   ดอกกุหลาบว่าแต่เดิมทีนั้นในโลกมนุษย์ของเราดอกกุหลาบเป็นสีขาวแต่เกิดการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเมื่อมีอยู่วันหนึ่งได้มีนกไนติงเกลหนุ่มตัวหนึ่งได้บินมาเจอดอกกุหลาบสีขาวแล้วมันก็เกิดตกหลุมรักดอกกุหลาบสีขาวดังนั้นด้วยความที่มันรักกุหลาบสีขาวมันจึงได้ใช้ปีกและลำตัวของมันนั้นโอบกอด ดอกกุหลาบสีขาวเอาไว้

           แต่บังเอิญว่าดอกกุหลาบนั้นมีหลานแหลมคงอยู่ที่ก้านดังนั้นก้านของกุหลาบที่มีหนามกุหลาบแหลมคมจึงได้ทิ่มไปที่บริเวณลำตัวของนกไนติงเกลทำให้มีหยดเลือดหยดลงมาและเลือดดังกล่าวนั้นก็หยุดไปที่ดอกกุหลาบจึงทำให้นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาดอกกุหลาบที่เคยเป็นสีขาวจึงกลายมาเป็นดอกสีแดงนั่นเอง

           แต่ก็มีบางตำนานที่พูดถึงสีของดอกกุหลาบเช่นเดียวกันถึงแม้ว่าจะบอกว่าดอกกุหลาบสีขาวนั้นเป็นสีแรกที่เกิดขึ้นในโลกแต่ตำนานนี้กับกล่าวว่า แต่เดินที่ดอกกุหลาบเป็นสีขาวนั้นดอกกุหลาบเหล่านี้ถูกปลูกไว้ในสวนอีเดนของเทพเจ้าโดยมีอดัมกับอีฟเขาดูแลอยู่  แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่งในขณะที่อีฟกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้นั้นเธอก็ได้เห็นดอกกุหลาบสีขาว  

          ซึ่งแน่นอนว่าดอกกุหลาบสีขาวและมีความสวยงามและมีกลิ่นหอมเป็นอย่างมากจึงได้ก้มลงไปจุมพิศที่ดอกกุหลาบสีขาวดอกนั้น  และเจ้าดอกกุหลาบสีขาวดอกนั้นก็เกิดอาการเขินตั้งแต่ไม่เคยโดนจูบมาก่อนจึงทำให้เขินจนหน้าแดงกลายเป็นเป็นกุหลาบสีแดงนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

           ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละตำนานนั้นก็มีความแตกต่างกันออกไปแต่ส่วนใหญ่ก็มักจะพูดถึงดอกกุหลาบสีขาวเป็นจุดเริ่มต้นของกุหลาบก่อนที่เปลี่ยนมาเป็นดอกกุหลาบสีแดงนั่นเองอย่างไรก็ตามในทางด้านของศาสนาคริสต์นั้นมองว่า ดอกกุหลาบสีแดงคือสัญลักษณ์ของของหยดเลือดของพระเยซูในขณะที่ดอกกุหลาบสีขาวนั้นเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ของพระแม่มารีอานั่นเอง

 

สนับสนุนโดย.  หวยออนไลน์บาทละ 1000

เรื่องราวต้นกำเนิด น้ำโซดา

       ต้นกำเนิด น้ำโซดา สำหรับ น้ำโซดานั้น  เป็นเครื่องดื่มที่ใช้ดื่มแทนน้ำเปล่าก็ได้ หรือจะใช้ผสมกับเหล้า ก็ได้เช่นเดียวกัน และในทุกวันนี้ น้ำโซดา ยังมีการนำมาผสมกับน้ำหวาน ทำให้เวลารับประทานแล้วน้ำที่ถูกนำมาผสมกับน้ำโซดานั้น รสชาติอร่อยยิ่งนัก   ปัจจุบัน น้ำโซดา ได้รับความนิยมมากทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ  

         ซึ่งแน่นอนว่ากว่าจะมาเป็น น้ำโซดา ในทุกวันนี้ก็ยังมีตำนานถึงที่มาที่ไปว่าจุดเริ่มต้นเช่นเดียวกันว่ามาจากไหนนั่นเองซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงประวัติความเป็นมาของน้ำโซดาก่อนที่จะมีการนำมาวางขายจนได้รับความนิยมเผยแพร่ไปทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ 

      สำหรับประวัติของการคิดค้นน้ำโซดานั้น นั้นเรียกได้ว่าในสมัยก่อนนั้นได้มีนักธรณีวิทยา  คนหนึ่งเป็นคนค้นพบนั่นเองซึ่งตอนที่เขาค้นพบนั้นสาเหตุก็เพราะว่าเวลาที่เขาต้องออกสำรวจพวกโบราณสถานต่างๆนั้นบางสถานที่อากาศจะร้อนอบอ้าวทำให้เขานั้นต้องหาน้ำดื่มที่ทำให้ตัวเองนั้นรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเป๋าและรู้สึกกินเข้าไปแล้วเย็นสบายซึ่งแน่นอนว่าน้ำเปล่าไม่สามารถช่วยให้เขารู้สึกเย็นสบายได้นั่น

       ต้นกำเนิด น้ำโซดา  ดังนั้นเขาจึงได้ไปค้นพบแร่ชนิดหนึ่งซึ่งแร่ชนิดนี้เกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติโดยแร่ชนิดนี้มีส่วนผสมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ด้วยและเมื่อเขาได้ทดลองกินเขาก็รู้สึกถึงความเอร็ดอร่อยของนำแร่ชนิดนี้เป็นอย่างมากเขาจึงได้มีการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับน้ำแร่ชนิดนี้ว่ามีส่วนผสมอะไรและเมื่อรู้ว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้นจะสามารถช่วยทำให้เขาเกิดความรู้สึกสดชื่นถ้าได้เอาไปผสมกับน้ำแร่ได้

          ดังนั้นในปีต่อมาเขาจึงได้เริ่มผลิตน้ำขึ้นมาด้วยน้ำดังกล่าวเขาจะเอาไปผสมกับแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์นั่นเองโดยปีแรกของการผลิตนั้นเกิดขึ้นเมื่อปีคริสตศักราช 1767  และนั่นเองคือต้นกำเนิดของเครื่องดื่มที่มีรสซ่าหลังจากนั้นได้มีนักบวชคนหนึ่งซึ่งได้รู้จักกับนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษคนหนึ่งทั้งคู่นั้นได้พยายามคิดค้นหาน้ำดื่มที่มีรสชาติอร่อย

            และในที่สุดคนทั้งคู่นั้นก็พบว่าหากมีการหมักถังเบียร์ลงไปในถังเบียร์นั้นจะมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และส่งผลทำให้เบียร์นั้นมีรสชาติอร่อยและมีต้าซึ่งหลังจากนั้นทั้งสองคนก็ได้ทำการคิดค้นและทดลองอยู่เรื่อยมาจนทำให้ในที่สุดนั้นทั้งสองคนก็เป็นผู้ค้นพบน้ำขึ้นเป็นรายแรกของโลกนั่นเองโดยนักบวชคนที่ค้นพบนางสุภารายแรกของโลกนั้นชื่อว่าโจเซฟ   เพรสลีย์  

           หลังจากที่สามารถคิดค้นน้ำโซดาได้แล้วก็ได้มีการออกมาวางขายและทำให้น้ำโซดานั้นกลายเป็นที่ยอมรับทั่วโลก

 

สนับสนุนโดย.  aecasino

ประวัติของ นินเทนโด(Nintendo) มีที่มาอย่างไร

เริ่มแรกที่ นินเทนโด(Nintendo) เริ่มทำนั้นเริ่มทำมาจาก เกมการด์หรือของเล่น ซึ่งมีธุรกิจอื่นๆอีกเช่น โรงแรมในปีค.ศ.1983 อีกด้วย แต่นินเทนโด(Nintendo)นั้นได้ทำการเปลี่ยนมาทำเกี่ยวกับวีดิโอเกมซึ่งเป็นบริษัทที่มีอายุยาวนานที่สุด

นินเทนโดนั้นได้มีการที่มีชื่อเสียงอย่างมากและมีหลากลาย เช่น มาริโอ โปเกมอล ไฟร์เอมเบลม เมทรอยด์และแอนิมอลซิง ซึ่งทำถูกสร้างขึ้นมาโดยพนักงานของ นินเทนโด(Nintendo) นั้นเอง

ซึ่งเครื่องเกมที่ได้มีการวางขายนั้นได้มีอยู่หลากหลายมากไม่ว่าจะเป็น นินเทโด64(Nintendo 64) วียู(UV) นินเทนโดสวิตช์(Nintendo switch) นินเทนโด DS(Nintendo DS) นินเทนโด 2DS(Nintendo 2DS) นินเทนโด ไลท์ (Nintendo Lite) ซูปเปอร์ฟามิคอม(Super Famicon) และอื่นๆอีกมากมาย

ซึ่งเครื่องเกมแรกที่นินเทนโด(Nintendo) ทำการเริ่มต้นทำนั้นก็คือ Game & Watch ซึ่งทางนินเทนโด(Nintendo) ทำการผลิตออกมาในปี1980 หรือ40ปีที่แล้วที่ได้ทำการจำหน่าย ซึ่งมีรูปแบบการเล่นที่ทำได้ง่าย

นินเทนโด ฟามิคอม(Nintendo famicom) ที่ซึ่งทำการจำหน่ายในปี1983 ซึ่งทางนินเทนโด(Nintendo) นั้นได้ทำการจำหน่ายเครื่องเกมนี้และทำให้เป็นการเปิดตลาดของเครื่องวิดีโอเกมด้วยการที่ว่านินเทนโดนั้นได้ทำเครื่องเกมที่มีสีและเล่นได้ง่าย

เครื่องเกมบอย (GameBoy) ซึ่งเครื่องเกมนี้ได้เป็นการพัฒนามาจากเครื่องเกม Game & Watch นั้นเองและยังสามารถทำการเปลี่ยนเกมไปมาได้ มีภาพที่สวยงามขึ้นและยังมี ระบบการเล่นที่น่าสนใจมากขึ้นอีกด้วย

นินเทนโด ซูเปอร์ แฟมิคอม (Nintendo Super Famicom) เป็นการพัฒนาเครื่อง ฟามิคอม ที่ทำการออกมาจำหน่ายก่อนหน้านี้ ซึ่งเครื่องนี้ได้มีการพัฒนาให้เป็น16 Bit และมีชื่อว่า ซูเปอร์ แฟมิคอม (Super Famicom) ที่มีการทำให้ภาพสวยขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งเกมที่มีใน ฟามิคอม(Famicom) นั้นได้ทำการลงในเครื่องของ ซูเปอร์ แฟมิคอม(Super Famicom) อีกด้วย ซึ่งมีการจำหน่ายในปี1990

นินเทนโด 64 (Nintendo 64) เป็นการที่นินเทนโด(Nintendo) นั้นทำการใช้ตลับ เป็นตัวที่ใช้ในการเล่นอยู่แทนการที่ใช้แผ่นดังนั้นจึงทำให้ นินเทนโด 64 (Nintendo64) เป็นเครื่องเกมที่ประสบความล้มเหลวอีกเครื่องหนึ่ง จำหน่ายในปี1996

นินเทนโด ดีเอส (Nintendo Ds) เป็นเครื่องเล่นเกมพกพาที่ทาง นินเทนโด(Nintendo) นั้นผลิตเป็นเครื่องเล่นเกมพกพาที่มี 2จอ ซึ่งสร้างความแปลกใหม่และมีความสนุกที่หลากหลายเกมอีกด้วย ซึ่งทำให้เกิดความนิยมเป็นอย่างมาก ได้ทำการจำหน่ายในปี2004

นินเทนโด 3ดีเอส (Nintendo 3DS) เป็นการที่นินเทนโด(Nintendo) นั้นได้ทำการ พัฒนาเครื่องเล่นเกมพกพาที่ใช้ระบบ3D ในการเล่นโดยที่ไม่ต้องใช้แว่น จำหน่ายในปี2011

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย.    แทงหวยจับยี่กี

การแสดงศิลปะลิเก

        ลิเกนับว่าเป็นการแสดงศิลปะวัฒนธรรมไทยในรูปแบบหนึ่งเป็นรูปแบบของการแสดงออกเป็นเรื่องราวซึ่งปัจจุบันนี้ยังคงมีคณะลิเกอยู่หลายคณะแต่ก็เหลือน้อยลงทุกทีแล้วเนื่องจากคนในปัจจุบันไม่ค่อยนิยมดูลิเกกันมากนักเพราะหันมาชมภาพยนตร์และซีรีส์มากกว่าที่จะดูลิเก

ซึ่งเป็นการแสดงของคน การแสดงลิเกนั้นจะต้องอาศัยคนที่มีความรู้ความสามารถสามารถร้องลิเกได้รวมถึงสามารถร่ายรำได้อย่างสวยงามการแสดงลิเกนั้นไม่ใช่ว่าใครก็จะสามารถเล่นได้จะต้องมีความเข้าใจและได้รับการฝึกอบรมการเรียนลิเกการร้องรำลิเกเป็นอย่างดีแล้ว

ถึงจะสามารถออกมาแสดงให้ผู้คนนั้นได้ชมได้สำหรับการแสดงลิเกนั้นนับได้ว่าเป็นศิลปะพื้นบ้านอย่างหนึ่งซึ่งมีหลายจังหวัดในการที่จะร้องรำลิเกและแต่ละจังหวัดนั้นก็จะมีลีลาการแสดงลิเกที่แตกต่างกันออกไปอย่างภาคกลางก็จะเป็นลิเกอีกในรูปแบบหนึ่งหรือภาคใต้

ก็จะแสดงลิเกอีกในรูปแบบหนึ่งสำหรับการแสดงลิเกนั้นจะต้องมีทั้งดูวงดนตรีซึ่งเป็นวงมโหรีขนาดใหญ่เอาไว้เล่นในขณะที่นักแสดงลิเกนั้นขึ้นไปแสดงบนเวทีและมีฉากสำคัญสำคัญที่ต้องเน้นการร่ายรำก็จะมีการแสดงดนตรีขึ้นมาด้วย

และการที่จะมีวงลิเกได้นั้นจะต้องมีคณะคนแสดงเป็นจำนวนมากอย่างต่ำก็ต้องไม่ต่ำกว่า 20 คนขึ้นไปเพราะการแสดงแต่ละบทบาทนั้นจะต้องอาศัยคนหลายคนไม่ว่าจะเป็นในช่วงของการลงแขกการที่มีนักแสดงแต่งกายออกมาแสดงให้คนดูหรือจะต้องมีการใช้คนเสวนาคล้ายๆกับการที่เป็นพิธีกรบนเวทีนั่นเองสำหรับการแสดงลิเกนั้นก็จะต้องมีการจัดเตรียมเวทีขนาดใหญ่

อาไว้ให้นักแสดงขึ้นไปเล่นด้านบนซึ่งเมื่อก่อนผู้คนมักจะพากันไปชมลิเกหลังจากที่เลิกการทำงานแล้วในช่วงหัวค่ำก็จะเดินทางไปชมลิเกซึ่งส่วนใหญ่ก็จะจัดขึ้นภายในวัด  แต่ต่อมาวิวัฒนาการของโลกนั้นก้าวไกลขึ้นผู้คนจึงนิยมการไปชมลิเกน้อยลงและหันมาชมทีวีกันแทนทำให้ลิเกนั้นเริ่มได้รับความนิยมน้อยลงและกำลังจะถดถอยไปตามกาลเวลา

ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างมากเพราะลิเกนั้นก็ถือว่าเป็นมรดกอย่างหนึ่งของเมืองไทยเช่นเดียวกันเลยว่ากันว่านั้นลิเกเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาแล้วเป็นการแสดงครั้งแรกให้กับเจ้าขุนมูลนายและพระมหากษัตริย์ได้ชมดังนั้นเราจึงควรศึกษาวัฒนธรรมการจัดแสดงลิเกเอาไว้เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รู้ถึงศิลปะการแสดงของคนในสมัยโบราณว่ามีการแสดงกันในรูปแบบไหนสวยงามอย่างไรนั่นเอง หากใครเคยดูการแสดงลิเก จะเห็นได้ว่า เราจะได้เห็นการรำ การร้องเพลง และการแสดงถ่ายทอดจากนักแสดงออกมาได้อย่างสวยงามและอ่อนช้อยมากทีเดียว

 

สนับสนุนโดย.    bk8

สุสานเฮี้ยนที่ จ.กาญจนบุรี

สุสานเฮี้ยนที่ จ.กาญจนบุรีสำหรับสถานที่สุสานโสเภณีแห่งนี้หลายที่ที่ได้เข้ามาลองดีในสถานที่แห่งนี้กันนั้นส่วนใหญ่แล้วกลับไปได้ของตามที่ตัวเองต้องการจริงๆบางคนก็เห็นว่ามีวิญญาณตามไปบางคนก็เจอในระหว่างที่ได้เข้าไปสำรวจนั้นเลยเหมือนอย่างเรื่องราวของผู้หญิงท่านหนึ่งที่เราจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้

ซึ่งเธอและเพื่อนๆได้เข้ามาสำรวจในสถานที่แห่งนี้และเจอดีเหมือนกันเรื่องราวนี้เป็นเรื่องราวของคุณวุ้นเส้นโดยเธอเล่าให้ฟังว่าเดิมทีเธอเป็นคนกรุงเทพได้แต่งงานแล้วก็ย้ายมาอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรีทุกปีเพื่อนๆของเธอจากกรุงเทพจะพากันเดินทางมาพักผ่อนกันที่จังหวัดกาญจนบุรีและทุกครั้งเธอก็มักจะพาเพื่อนๆไปที่สะพานข้ามแม่น้ำแควไปเที่ยวน้ำตกบ้างไปเขื่อนบ้างไปกินข้าวร้านดังๆ

โดยตัวเธอเองก็เป็นคนที่ชอบเทคแคร์เพื่อนแล้วไม่อยากให้เพื่อนเบื่อกันก็พายามพาสถานที่แปลกๆพาเพื่อนๆไปพาไปเดินตลาดน้ำใหม่ๆบ้างพาไปเที่ยวที่ใหม่ๆแต่ก็รู้สึกว่าไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่จนมาเจอที่ที่หนึ่งที่เธออยากจะไปมานานมากแล้วแต่แฟนของเธอนั้นห้ามเอาไว้ตลอดว่าอย่าไปโดนเด็ดขาดที่นั้นก็คือท่าล้อซอย9หรือว่าอีกชื่อหนึ่งก็คือสุสานโสเภณีร้างนั่นเอง

นอกจากนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเธอโดยเธอและเพื่อนๆได้เปิดกูเกิลสตรีทวิวเข้าไปดูได้แต่เพียงเห็นกำแพงด้านนอกและมันยิ่งทำให้เธอนั้นอยากรู้ไปมากกว่าเดิมว่าข้างในนั้นมันจะเป็นอย่างไรเธอได้ชวนเพื่อนๆเราลองไปที่สุสานโสเภณีร้างกันไหม

ซึ่งมันก็แปลกทุกคนดูไม่ปฏิเสธเลยทุกคนดูตื่นเต้นและเธอก็ได้พูดว่าที่สำคัญแห่งหนึ่งไม่ไปถึงว่ามาไม่ถึงที่นี่เลยนะจนกระทั่งเวลาหกโมงเย็นก็ออกเดินทางขับรถอกไปเรื่อยๆตัวของเธอก็ตื่นเต้นมากๆว่าจะได้เห็นสักทีสิ่งที่แฟนของเธอได้ห้ามอยู่ตลอดเธอก็พยายามบอกทุกคนว่าเราไม่ได้จะมาลบหลู่เพียงแต่ว่าเธอนั้นอยากจะเห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นเท่านั้นเอง

เมื่อเธอและเพื่อนไปเดินมาถึงหน้าประตูสุสานโสเภณีสิ่งแรกที่เธอสัมพันได้ก็ความว่างเปล่าทุกคนกำลังเดินเข้าไปข้างในก็มีป้าแก่ๆวัยประมาณ60กว่าๆได้เดินเข้ามาหาพวกเธอแล้วก็พูดว่าพวกหนูจะเข้าไปข้างในใช่ไหม

ป้าแกถามพร้อมกับเอากุญแจมาไขที่ประตูแล้วป้าแกก็บอกว่าป้าอยู่ที่นี่ดูแลที่ให้เจ้าของที่เขามาสิเดี๋ยวป้าจะพาเดินแล้วพาเธอก็เดินตามป้าเข้าไปบรรยากาศมันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเอาไว้มีเพียงต้นไม้ที่ขึ้นเต็มไปหมด

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เล่นคาสิโนออนไลน์ให้ได้เงิน

อุริโกะฮิเมะ ผีญี่ปุ่น

นานมาแล้วได้มีตายายสองคนอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นสองตายายที่มีความรักให้กันและกันมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่นแล้วทั้งคู่เป็นคู่รักที่ดีมากๆตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาความรักของทั้งคู่ก็ไม่ได้จืดจางไปไหนเลยอะไรที่เป็นความรักคู่หนุ่มสาวในอุดมคติอยากจะให้มีทั้งสองคนนี้มีหมดเว้นแต่โซ่ทองคล้องใจ

ซึ่งทั้งสองอยู่ด้วยกันมาตลอดจนผมงอกแต่ก็ยังมีลูกไม่สำเร็จเลยและทั้งสองตายายก็ได้เดินทางไปอธิฐานขอกับพระเจ้าที่วัดแห่งหนึ่งที่อยู่บนภูเขาที่นั่นเองทั้งสองก็ได้รับคำทำนายว่าจะมีลูกแน่ๆแล้ววันเล่าทั้งสองก็ยังไม่มีทางที่จะมีลูกเลย

นอกจากนี้ได้ผ่านเข้าช่วงน่าร้อนปีหนึ่งเป็นวันที่อากาศร้อนมากๆทั้งคู่ก็เลยเกิดอาการหิวแตงโมคุณตาก็เลยช่วยคุณยายออกไปเก็บแตงโมที่พวกเขาปลูกเอาไว้ในสวนด้วยกัน

เมื่อทั้งสองได้เข้าไปในสวนก็ได้เห็นแตงโมลูกหนึ่งที่มีความประหลาดอย่างมากมันมีขนาดใหญ่ผิดปกติสองตายายคู่นี้ก็บอกว่าดีแล้วอากาศร้อนๆแบบนี้ว่าแล้วทั้งสองก็เก็บแตงโมเขาบ้านไปจากนั้นคุณยายได้ทำการผ่าแตงโมออกพวกเขาก็ได้พบเด็กหญิงที่มีน่าตาน่ารักแก้มแดงราวเหมือนกับสีของแดงโมต้องบอกก่อนว่าเรื่องราวที่ได้เกิดกับสิ่งที่มีชีวิตที่เกิดจากพืชผลมันเป็นเรื่องปกติของชาวญี่ปุ่นคือมันไม่มีเหตุผลอะไรที่เกิดขึ้นมาจากพืชผลไม้

ดังนั้นคุณตาก็เลยบอกว่ามันคงจะเป็นของขวัญจากเทพเจ้าที่ได้ประทานมาให้เราอย่างแน่นอนถ้าอย่างนั้นเรามาตั้งชื่อให้กับเดกคนนี้ดีกว่าและจะตั้งชื่อว่าอะไรดี

โดยเด็กคนนี้ได้เกิดขึ้นมาจากผลของแตงโมเอาอย่างนี้เรามาตั้งชื่อให้เขาว่า อุริโกะฮิเมะ กันดีกว่าความหมายก็คือวเจ้าหญิงแตงแล้วทั้งสองก็ได้เลี้ยงเด็กสาวคนนี้เป็นอย่างลูกรักเลยคือไม่ค่อยได้ปล่อยให้ออกไปไหนจากนั้นเพียงแค่สองปีเท่านั้น  อุริโกะฮิเมะ ก็ได้เติบโตขึ้นมาเท่ากับหญิงวัยเจริญพันธุ์พร้อมที่จะออกเรือนไปแต่งงานกับเจ้าชายในฝัน

ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกของญี่ปุ่นคือมนุษย์ที่เกิดมาจากผลไม้จะต้องเติบโตเร็วไปกว่าผิดปกติแทบจะทุกคนเลยและมันเป็นไปได้หรือไม่ว่ามันเป็นเพราะปุ๋ยที่คุณตาได้ใส่แตงโมมันได้ออกผลแรงหรือมันอาจจะเป็นไปได้ในนิทานญี่ปุ่นส่วนใหญ่แล้วคนที่ดูแลเด็กๆพวกนี้จะเป็นพวกตายายแก่ๆที่อาศัยอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้

 

สนับสนุนโดย  เซ็กซี่เกม บาคาร่า

การแก้บน

สำหรับตุ๊กตาแก้บนนั้นเป็นตุ๊กตาที่มีการปั้นขึ้นมาจากภูมิปัญญาของชาวบ้านซึ่งตุ๊กตาแก้บนนั้นมีการทำมานานตั้งแต่สมัยโบราณแล้วและปัจจุบันนี้ก็ยังคงนิยมนำตุ๊กตาไปแก้บนกันอยู่โดยส่วนใหญ่แล้วตุ๊กตาแก้บนนั้นมักจะนำไปใช้หลังจากที่เรานั้น

ได้มีการไปบนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนซักแห่งที่มีความศักดิ์สิทธิ์หลังจากนั้นก็ได้มีการบ่นว่าจะให้ตุ๊กตาจำนวนกี่คู่และเมื่อได้ตามที่ต้องการแล้วก็จะต้องนำตุ๊กตานั้นไปถวายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราขอเอาไว้ตามจำนวนที่เราได้มีการแจ้งกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เอาไว้นั่นเอง

สำหรับตุ๊กตาแก้บนนั้นส่วนใหญ่แล้วเรามักจะบ่นไว้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นพระพุทธรูปหรือแม้แต่พระภูมิเจ้าที่ศาลพระภูมิเจ้าที่ศาลตาศาลยายต่างๆยกตัวอย่างเช่นที่เรามีการนำไปแก้บนก็มักจะเห็นจากการที่ผู้คนไปบนหลวงพ่อโสธรหรือศาลพระภูมิเจ้าที่ในหมู่บ้านของตนเองหรือศาลเพียงตาในบ้านของตนเองอย่างไรก็ตามตุ๊กตาแก้บนนั้นเป็นได้ทั้งตุ๊กตาที่ถูกปั้น

เป็นรูปร่างของคนทั้งผู้หญิงผู้ชายหรือแม้ปัจจุบันนี้ก็ปั้นเป็นรูปสัตว์ต่างๆซึ่งส่วนใหญ่เรามักจะเห็นเป็นช้างหรือไม่ก็เป็นไก่และม้าลายซึ่งเรามักจะพบเห็นกันอยู่เป็นประจำและถ้าหากใครบนตุ๊กตาแก้บนเป็นคนตัวตุ๊กตาแก้บนที่เป็นคนนั้นมักจะแต่งกายด้วย

ชุดนางรำไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาผู้หญิงหรือตุ๊กตาผู้ชายแต่ปัจจุบันตุ๊กตานางรำที่เป็นผู้หญิงกับผู้ชายนั้นมักจะไม่ค่อยเห็นในการนำมาแก้บนกันมากนักส่วนใหญ่จะเห็นเป็นรูปสัตว์มากกว่าและที่เห็นมากที่สุดก็น่าจะเป็นม้าลายกับไก่

ซึ่งปกติแล้วถ้าหากมีใครไปบนบานศาลกล่าวที่จะนำตุ๊กตาแก้บนมาถวายก็มักจะถวายเป็นคู่เช่นช้าง 2 คู่หรือไก่ 2 คู่หรือม้าลาย 2 คู่แต่จะไม่มีใครแก้บนด้วยตัวเลขเดี่ยวๆเช่นไม่มีแก้บนด้วยช้าง 1 ตัวหรือว่าไก่ 1 ตัวนั่นเอง

ถึงแม้ว่าตุ๊กตาแก้บนนั้นจะมีมาอย่างยาวนานแต่ในปัจจุบันความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังคงมีอยู่ดังนั้นผู้คนจึงยังมีการเข้าไปกราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ได้สิ่งนั้นเองนั้นหวังและเมื่อสมหวังแล้วผู้คนก็มักจะนำตุ๊กตาที่ตนเองบนบานศาลกล่าวเอาไว้มาทำการแก้บน

โดยในปัจจุบันเราสามารถพบเห็นตุ๊กตาแก้บนตามสถานที่ต่างๆได้มากมายและเรายังคงสามารถไปบนบานศาลกล่าวเพื่อถวายตุ๊กตาแก้บนได้อีกหลายที่เลยทีเดียว สำหรับตุ๊กตาแก้บน นั้น เราสามารถหาซื้อได้ตามร้านของตุ๊กตาเครื่องปั้นดินเผาทั่วไป

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  แทงหวยออนไลน์

ศาลล่องหน หน้าหอแกน ม.กรุงเทพ

สำหรับเรื่องของศาลล่องหนนี้ได้เล่ากันว่าแต่ก่อนศาลจริงเขาได้ย้ายไปอยู่ที่หลังตึกเป็นเพียงแต่ศาลปูนและยังได้มีนักศึกษาและศิษย์เก่าอีกหลายท่านก็พบเห็นว่าศาลหลังนี้มันมีอยู่จริๆปรากฏว่าได้มีนักศึกษาท่านหนึ่งๆได้โพสว่ามีใครเห็นศาลพระภูมิที่ตั้งอยู่ตรงข้างมหาวิทยาลัยบ้างนักศึกษาหลายคนเคยเห็นตั้งบางคนยกมือไหว้แต่ความจริงนั้นมันไม่มี

ซึ่งก็ได้มีคนออกมาบอกว่าเคยเห็นศาลหลังนี้อยู่แถวหน้าหอแกนมีพวงมาลัยสีเหลืองเต็มเลยและเขานั้นถึงกับงงเลยว่ามันมีจริงๆเหรอที่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น

นอกจากนั้นเขาก็ยังบอกอีกด้วยว่าจำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยยกมือไหว้ศาลศาลสูงเท่าตัวสีขาวหลังออกจากห้องเพื่อนมาอีกทีก็ร้องกรี๊ดมันคืออะไรในช่วงที่กำลังรับน้องปี1ได้งดงามมากพอผ่านไป5ปีแล้วยังรู้สึกหลอนอยู่เลยนี่มันก็เป็นเหตุผลที่ว่าหากใครเคยรับรู้เรื่องราวของศาลหลังนี้ก็จะไม่สามารถพบเห็นศาลหลังดังกล่าวได้อีกเลย

ถ้าหากใครไม่เคยได้ยินเรื่องราวของศาลหลังนี้มาก่อนขอรับรองเลยว่าเจอเกือบทุกคนเลยโดยเฉพาะพวกน้องๆปี1และก็ยังมีอยู่อีกหลายๆคนเลยที่บอกว่าเคยเห็นว่าเขานั้นไม่เคยเห็นแต่มีเพื่อนอยู่คนหนึ่งเคยเล่าให้ฟังว่ามีแต่ทำไมตัวเขาเองกลับมองไม่เห็น

ซึ่งบางคนก็พักอาศัยอยู่ที่หอแกนแต่ไม่เคยเห็นบางคนก็บอกว่ามีจริงก็พบเหนอยู่อันนี้มันก็เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจว่าสิ่งที่ได้พบเจอกันมันมีอยู่จริงๆหรือไม่ศาลหลังนี้ทั้งนี้ยังมีคนบอกอีกว่าศาลสีขาวที่อยู่ด้านหน้าหอแกนกลับมาจากซอยรังสิตภิรมย์หลังเที่ยวคืนก็ยกมือไหว้ตลอดนี่ก็เป็นที่น่าสงสัยว่าเขานั้นยกมือไหว้อะไรและยังได้มีอีกหลายคนที่เคยเห็นศาลและอีกหลายคนที่ไม่พบเห็น

โดยมันก็ยังคงเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันว่าทำไมบางคนเห็นทำไมบางคนมองไม่เห็นวันนี้เพื่อคลายข้อสงสัยกันเราจะพูดให้ฟังว่าศาลพระภูมิที่เขาได้พบเห็นกันมันเป็นอย่างไรและมันได้ตั้งอยู่ตรงส่วนไหนของ ม.กรุงเทพ หากใครขับรถขาเข้ากรุงเทพตรงข้าม ม.กรุงเทพก็จะเห็นหอแกนอยู่ด้านซ้ายมือและจะมีป้ายรถเมล์และรถตู้

เนื่องจากนี้ก็มีคนเห็นศาลหลังดังกล่าวได้ตั้งอยู่ตีนสะพานลอยแต่ปรากฏว่าเข้าไปดูช่วงตีนสะพานลอยมันเป็นเพียงแค่ร้านขายของธรรมดาและก็มีเสาไฟตั้งอยู่ถัดไปก็ไม่มีศาลใครผ่านไปผ่านมาลองสังเกตดูกันดีๆ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  alpha88