ประวัติสวนสนุกร้าง six flags New Orleans

       six flags New Orleans  ที่เมืองนิวออลีน  รัฐหลุยเซียน่า   ประเทศสหรัฐอเมริกา  มีสวนสนุกแห่งหนึ่งเปิดตัวขึ้นภายใต้การดูแลของ  Alfa Smartparks  โดยมีการตั้งชื่อสวนสนุกแห่งนี้ว่าJazzland  สำหรับสวนสนุกแห่งนี้มีการเปิดให้บริการครั้งแรกช่วงประมาณปีค.ศ. 2000

  อย่างไรก็ตามหลังจากที่มีการเปิดสวนสนุกมานั้นเจ้าของกิจการสวนสนุกแห่งนี้ก็แทบจะไม่ได้กำไรจากการทำธุรกิจสวนสนุกJazzland แห่งนี้เลยดังนั้นในช่วงประมาณปีค.ศ 2002 เขาจึงได้ตัดสินใจขายสวนสนุกแห่งนี้ให้กับกลุ่ม six flags 

       อย่างไรก็ตามหลังจากที่กลุ่ม six flags ได้มีการซื้อต่อสวนสนุกแห่งนี้มาก็ได้มีการอัพเกรดสวนสนุกให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นมีการนำเครื่องเล่นใหม่มาให้บริการลูกค้าและในช่วงประมาณปี 2003 สวนสนุกแห่งนี้ก็เปิดตัวอีกครั้งหนึ่งภายใต้ชื่อ  six flags New Orleans  

อย่างไรก็ตามภายใต้การดูแลของผู้บริหารงานคนใหม่สวนสนุกแห่งนี้เปิดเพียงแค่ไม่กี่ปีเท่านั้นก็ต้องเจอกับปัญหาอย่างหนักจนถึงกับต้องปิดกิจการเนื่องจากว่าในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น เมืองนิวออร์ลีนส์   รัฐหลุยเซียน่า ต้องเจอกับพายุเฮอริเคนโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงซึ่งพายุดังกล่าวมีชื่อเรียกว่าแคทเทอรีน่า 

นอกจากเมืองนิวออลีนจะเหลือเพียงซากแล้วสวนสนุกแห่งนี้ก็ถูกเฮอริเคนถล่มจนได้รับความเสียหายอย่างหนักมากเช่นเดียวกันเพราะพายุเฮอริเคนได้มีการพัดพาน้ำมาท่วมสวนสนุกแห่งนี้จนมิดและเครื่องเล่นทุกอย่างภายในสวนสนุกก็จมอยู่ใต้น้ำ

        อย่างไรก็ตามภายใต้ซากปรักหักพังยังมีเครื่องเล่นชนิดหนึ่งที่เหลืออยู่ภายในสวนสนุกแห่งนี้โดยเครื่องเล่นดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า Mega Zeph อย่างไรก็ตามสวนสนุกแห่งนี้กลายเป็นสวนสนุกร้างนับตั้งแต่เจอกับพายุเฮอร์ริเคนแคทรีนาโจมตี  ซึ่งหลายครั้งที่ทางผู้บริหารของสวนสนุกแห่งนี้พยายามอย่างยิ่งที่จะมีการพูดคุยกันเพื่อทำการเปิดสวนสนุกแห่งนี้ขึ้นมาใหม่แต่เรื่องของค่าใช้จ่ายที่จะใช้ในการซ่อมแซมส่วนสึกนั้นค่อนข้างสูงทำให้ไม่สามารถเปิดต่อได้และยังคงมีการถกเถียงกันเรื่อยมา 

       อย่างไรก็ตามภายหลังจากที่สวนสนุกนี้ไม่สามารถเปิดตัวขึ้นมาได้ทั้งด้านผู้บริหารของสวนสนุกก็มีแนวความคิดว่าจะเอาพื้นที่ดังกล่าวนั้นไปทำ community Mall แต่ไม่ว่าจะมีการพยายามที่จะมีการเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้ไปเป็นห้างสรรพสินค้ามากเท่าไหร่

ก็ไม่สามารถทำได้ว่ากันว่ามันเกิดเรื่องราวชวนสืบสยองจนคนงานไม่กล้าที่จะมาทำการก่อสร้างที่สวนสนุกแห่งนี้ทำให้ท้ายที่สุดแล้วสวนสนุกแห่งนี้ก็กลายเป็นสวนสนุกร้างนับตั้งแต่นั้นเรื่อยมา

         ปัจจุบันสวนสนุก six flags New Orleans กลายเป็นสวนสนุกร้างและเคยเป็นสถานที่ในการถ่ายทำภาพยนตร์สยองขวัญอีกด้วย 

 

สนับสนุนโดย.    หวยฮานอย บาทละ 1000

ประวัติอาชีพนักบินคนแรกของโลก 

        อาชีพนักบินเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก อาชีพนักบินคนแรก เนื่องจากว่าต้องทำงานอยู่บนเครื่องบินซึ่งมีเครื่องแบบแต่งกายที่โก้หรูนอกจากนี้อาชีพนักบินนั้นยังสามารถเดินทางไปยังประเทศต่างๆได้อย่างอิสระเสรีและมีเงินเดือนที่ค่อนข้างสูงทำให้หลายคนใฝ่ฝันว่าอยากจะสำเร็จการศึกษาและการเป็นนักบินที่สามารถขับเครื่องบินเดินทางจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่งได้

       อย่างไรก็ตามสำหรับอาชีพนักบินนั้นเป็นอาชีพที่ต้องมีความเฉลียวฉลาดและต้องมีความเป็นผู้นำสามารถกล้าตัดสินใจในสถานการณ์ต่างๆได้ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าสายการบินของแต่ละประเทศนั้นมีมากมายหลายบริษัทด้วยกันแล้ว

แต่บริษัทนั้นก็จะมีนักบินที่ประจำเครื่องบินของบริษัทตนเองนั้นเป็นจำนวนมากมายหลายคนเลยทีเดียว  แต่คุณรู้ไหมว่ากว่าที่จะมาเป็นนักบินได้นั้นคนที่เป็นนักบินคนแรกของโลกหรือเป็นคนแรกของประวัติศาสตร์ของโรคนั้นคือใครและต้นกำเนิดของการเป็นนักบินของโลกคนแรกนั้นเป็นมาได้อย่างไรซึ่งในบทความนี้เราจะมาพูดถึงนักบินคนแรกของโลกกันว่าเกิดขึ้นในช่วงเวลาไหนและเขาคือใคร 

        เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อ Wright  Brothers กันมาบ้างแล้วเพราะพวกเขาคือ สองพี่น้องตระกูลไรท์ พวกเขาคือ นักบินคนแรกของโลก ต้นแบบเครื่องบินหลายรุ่นที่ปรับเปลี่ยนมาเรื่อยๆเริ่มต้นมาจากเครื่องบินลำแรกของโลกจากพี่น้องไบรท์พุทธิสารฝันมนุษย์หลายคนที่อยากจะบินขึ้นไปบนฟ้า

โดยการสร้างเครื่องบินขึ้นมาแม้ว่าจะมีการสร้างผิดพลาดมาหลายครั้งแต่ก็ดัดแปลงอุปกรณ์ต่างๆจนเครื่องบินลำแรกอย่างไร้สายสามารถบินขึ้นฟ้าสำเร็จในช่วงปี 1930 จ้างเครื่องบินแล้วพี่น้องไรต์ก็ต้องฝึกบินขึ้นไปบนฟ้าด้วยเช่นกันในช่วงแรกพวกเขาจะล้มเหลวหลายต่อหลายครั้งจนท้อแท้แต่พวกเขาก็สามารถขับเครื่องบินไฟนำขึ้นไปสำรวจท้องฟ้าได้อย่างมั่นคงในปี 1950 

      ในภายหลังพี่น้องไรต์ก็ประสบความสำเร็จไปอีกขั้นเพราะเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยจนรัฐบาลสหรัฐต้องยอมรับพัฒนาให้กลายเป็นธุรกิจการบินเดินทางข้ามประเทศในปี 1960 โดยใช้เครื่องบินที่สองพี่น้องไรต์ผลิตภายใต้ชื่อบริษัท  Wright Company

และทั้งคู่ก็ยังเปิดโรงเรียนการบินสร้างนักบินมืออาชีพไม่สามารถขับเครื่องบินได้แพร่หลายมากขึ้นจนมีลูกศิษย์ที่มีชื่อเสียงมากๆและหนึ่งในนั้นก็คือ Henry Harley Anold ผู้บัญชาการกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาในสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นเอง 

      อาจกล่าวได้ว่าถ้าไม่มีสองพี่น้องตระกูลไรต์นี้โชคของเราอาจจะยังไม่มีการโดยสารโดยเครื่องบินก็เป็นไปได้ซึ่งนับได้ว่าพวกเขาทั้งสองคนนั้นคือผู้บุกเบิกเกี่ยวกับของยานพาหนะบนท้องฟ้าหรือเครื่องบินโดยเฉพาะเลยทีเดียว

 

สนับสนุนโดย.    ชุดตรวจ hiv

เครื่องบิน Pippo The Ghost Plane  ที่เป็นปริศนา

Pippo The Ghost Plane  เริ่มขึ้นในช่วงของมหาสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นก็ได้มีชาวอิตาเลี่ยนต้องตกอยู่ในช่วงที่ลำบากเป็นอย่างมากเพราะด้วยรัฐบาลของตัวเองก็มากพอแล้วแถมยังมีพันธมิตรเยอรมันอย่างนาซีอีก

ซึ่งกองทัพพันธมิตรก็ก็ยังได้ตราหน้าพวกเขาว่าเป็นศัตรูมันก็เลยทำให้ประชาชนอิตาเลี่ยนทางภาคเหนือต้องตกอยู่ภายใต้ของความน่ากลัวที่ยิ่งใหญ่สุดๆไปเลยและที่มันน่ากลัวไปกว่านั้นก็คือเครื่องบินที่ชาวบ้านพากันล้ำลือคือเครื่องบิน Pippo The Ghost Plane   

นอกจากนี้เครื่องบินมันได้มาจากไหนก็ไม่รู้เพราะว่ามันไม่มีใครที่จะสามารถตอบได้เลยสักคนว่ามันคออะไรโดยเครื่องบินลำดังกล่าวนี้แหละมันเป็นฝ่ายไหนก็ไม่รู้เหมือนกันแถมมันยังไม่มีคนขับอีกด้วยแต่ทำไมมันถึงได้บิบนได้จู่เครื่องบิน Pippo The Ghost Plane  มันก็ได้บินออกมายิงถล่มคนเสียอย่างนั้นและถ้าใครคิดที่จะขวางทางมันก็จะโดนยิงจนไม่เหลือชิ้นดีเลยไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ตาม

เนื่องจากนี้เสียงของมันที่มันน่าจดจำเป็นอย่างมากก็คือเสียงของเครื่องบินลำดังกล่าวนั้นดังมากและมันก็ได้เป็นที่มาของเครื่องบินลำนี้แหละส่วนเวลาที่ชาวบ้านได้พบเจอนั้นก็จะเป็นเวลาค่ำๆมืดๆมันก็เลยทำให้คนที่ได้ยินเสียงของเครื่องบินลำนี้จะต้องหรีเข้าที่หลบกันไปหมด

ซึ่งหากเครื่องบินได้บินผ่านหลังคาบ้านไหนเห็นไฟก็เตรียมตัวพังกันได้เลยและเพื่อไม่ให้เครื่องบิน Pippo The Ghost Plane  โผล่ออกมาเล่นงานเขาก็จำเป็นที่จะต้องหนี

ดังนั้นที่มาของเครื่องบินลำดังกล่าวนี้ชาวบ้านเขาก็ไม่ค่อยทราบถึงที่มาว่ามันได้มาจากไหนแต่มันชอบบินมาทางตอนเหนือของอิตาลีคอยบินมายิงคนเล่นเฉยๆมันก็เลยทำให้เหล่านักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่นั้นเขาได้เชื่อกันว่าเครื่องบิน Pippo The Ghost Plane  มันน่าจะเป็นเครื่องบินลาดตะเวรของอังฤกษเพราะด้วยเสียงของเครื่องยนต์ที่เราได้ยินนั้นมันได้ใกล้เคียงกับ Pippo The Ghost Plane  เป็นอย่างมาก

โดยอย่างไรก็ตามเครื่องบิน Pippo The Ghost Plane  เครื่องนี้ก็ยังคงเป็นตำนานที่มันได้อยู่ทางตอนเหนือของอิตาลี่ต่อไป

สำหรับ The jumping Car of Cape Town เรื่องรถยนต์มีชีวิตดูเหมือนว่าจะมีแค่ในหนังกันใช่ไหมแต่สำหรับรถยนต์ที่มนสามารถเคลื่อนที่ได้เองมันได้เกิดขึ้นที่เคปทาวน์เมื่อได้มีอยู่ครอบครัวและแขกที่ได้มาพักบ้านหนึ่งจู่ๆพวกเขาก็ได้ตื่นขึ้นมากันกลางดึก

โดยได้ยินเสียงสนั่นจากนอกบ้านและหันไปทางหน้าต่างพวกขาก็เจอที่มาของเสียงเหล่านั้นนั่นก็คือเป็นรถยนต์ The jumping Car of Cape Townอยู่มันก็มีเสียงขึ้นมาเองเสียอย่างั้นก่อนที่รถคันดังกล่าวจะวิ่งไปรอบๆบริเวณลานจาดรถแล้วหยุดอยู่กับที่เหมือนคนมาขับยังไงก็ไม่รู้แต่เข้าไปดูมันไม่มีคนเข้า

 

สนับสนุนโดย.  หวยดี

นางเงือกมีอยู่จริงๆหรือเปล่า?

ถ้าให้พูดถึงเรื่องราวที่ได้อยู่ใต้ท้องทะเลเราเชื่อว่าหลายๆคนก็คงจะคิดแบบเดียวกันกับเราว่ามันได้มีหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่มันยังไม่ได้ถูกค้นพบไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสิ่งลี้ลับที่มันยังไม่สามารถที่จะหาคำตอบได้หรือแม่แต่สิ่งที่มีชีวิตบ้างอย่างที่เขาได้

เชื่อกันว่ามันน่าจะสูญพันธ์จากโลกเราได้แล้วแต่มันก็ยังคงได้มีการพบเจอหรือถูกถ่ายเอาไว้ได้มันก็ยังมีอยู่เยอะแยะมากมายแต่ส่วนมากก็จะเจออยู่ในท้องที่ทะเลกันทั้งหมดเลยและหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องของนางเงือกนั้นเอง

ซึ่งนางเงือกในอุดมคติของใครหลายๆคนเราเชื่อว่าหลายๆคนก็คงจะมีการจินตนาการในรูปแบบของที่เราเห็นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการ์ตูนหรือแม้แต่ภาพวาดสิ่งที่เขาได้พูดต่อๆกันมาว่านางเงือกจะต้องเป็นผู้หญิงที่มีความสวยงามมีครึ่งท่อนบนเป็นมนุษย์มีครึ่งท่อนล่างเป็นปลาไม่มีพิษไม่มีภัยต่อมนุษย์และยังได้เป็นมิตรกับมนุษย์อีกด้วย

แต่ในความเป็นจริงแล้วทุกคนเชื่อกันหรือไม่ว่าถ้าเอาตามข้อมูลที่เราได้ไปตามหามาตามตำนานในหลายๆตำนานและสิ่งที่คนพบเจอกันลักษณะของนางเงือกมันไม่ได้เป็นยังงั้นเลยคือ

นางเงือกตามตำนานส่วนใหญ่เขาว่ากันว่านางเงือกจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ค่อนข้างที่จะดุดร้ายน่าตาไม่ได้สวยเหมือนในอุดมคติของใครหลายๆคนและไม่ได้เป็นมิตรต่อมนุษย์ด้วย

ซึ่งตำนานของนางเงือกมันได้มีอยู่ทั่วโลกเลยและแต่ละที่ก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไปยกตัวอย่างประเทศญี่ปุ่นเขาได้บอกเอาไว้ว่านางเงือกหรือสิ่งมีชีวิตประหลาดได้ถูกบัญญัติเอาอยู่ในโหมดปีศาจโยไค,Yokaiหรือปีศาจจำพวกพายน้ำชนิดหนึ่งตามความเชื่อของศาสนา ชินโต,Shinto และมีอยู่สองรูปแบบลักษณะคือในรูปแบบของ นิงเงียว และ นูเระอนนะ 

ซึ่งในสองรูปแบบนี้เขาถือว่าได้เป็นนางเงือกกันทั้งคู่เลยแต่นิงเงียวจะมีลักษณะเป็นนางเงือกมากกว่า นูเระอนนะ จะมีลักษณะที่คล้ายกับครึ่งคนครึ่งงูนั่นเอง

นอกจากนี้ตำนานนางเงือกของญี่ปุ่นตรงนี้เขายังได้บอกเอาไว้อีกว่าปีศาจทั้งสองตนนี้จะทำการล่อลวงมนุษย์ด้วยการใช้เสียงเพลงอันไพเราะร้องเพลงกล่อมคนที่เดินป่านมาเห็นหรือคนที่เดินเรื่องผ่านมาให้ติดกับหลงมนเสน่ห์ของนางก่อนที่จะหรอกล่อให้กระโดดลงไปในน้ำและหลังจากนั้นก็จะทำการดึงคนเหล่านั้นลงสู่ใต้น้ำเพื่อจับกินหรือทรมานเล่นเพื่อความสนุกส่วนตนนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  dewabet

ตำนานแม่มด 

    หากพูดถึงคำว่าแม่มดหลายคนมักจะนึกถึงหญิงหญิงแก่สุ่มผ้าคลุมสีดำสามารถมีเวทย์มนต์และมักชอบขี่ไม้กวาดรวมถึงแม่มดจะสามารถเสกคาถาและฝากใครก็ได้ซึ่งมีการแต่งนิทานขึ้นมามากมายเกี่ยวกับแม่มดรวมถึงการนำแม่มดมาสร้างเป็นภาพยนตร์มากมายหลายเรื่อง

แต่คุณเชื่อหรือไม่ว่าคนส่วนใหญ่แล้วในอดีตมีการเชื่อว่าแม่มดนั้นมีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ของชาวอเมริกันเมื่อ 300 กว่าปีมาแล้วเคยเกิดเหตุการณ์ที่ชาวบ้านคลั่งไคล้เรื่องลัทธิแม่มดเป็นจำนวนมากในบางกลุ่มลักลอบตั้งตนเป็นแม่มดและในขณะที่ชาวบ้านก็ออกตามล่าหาแม่มดเพื่อนำมาจับจุดไฟเผาเพื่อทำลายแม่มดในประวัติศาสตร์ของอเมริกาในช่วงประมาณปี  1692-1693

ได้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริการัฐแมสซาซูเสสโดยพบว่าที่ชุมชนแห่งหนึ่งเกิดเหตุการณ์ที่สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านโดยอยู่มาวันหนึ่งเขาพบว่ามีเด็กหญิงหลายคนในหมู่บ้านมีอาการชักรวมถึงมีการโวยวายและส่งเสียงกรีดร้องและยังพูดภาษาที่ไม่สามารถให้ใครเข้าใจได้ว่าพูดเรื่องอะไรซึ่งอาการของเด็กในหมู่บ้านที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ทั้งบรรดาบาทหลวงรวมถึงคุณหมอที่อยู่ในหมู่บ้านต่างก็รู้สึกกังวลกับอาการของเด็กๆ

แต่เนื่องจากในสมัยก่อนวิวัฒนาการการรักษาและการเข้าใจโลกไม่ได้เก่งกาจเหมือนในปัจจุบันนี้ดังนั้นผู้คนจึงมักเชื่อไปในทางเรื่องเร้นลับมากกว่าจะเชื่อว่าเด็กในหมู่บ้านเกิดอาการป่วยขึ้นพร้อมๆกันเหมือนอย่างที่ปัจจุบันนี้ประเทศไทยก็ยังมีการเกิดสำหรับเด็กนักเรียนที่มีอาการเหมือนกันโวยวายกรีดร้องหรือแม้แต่เป็นลมโดยคุณหมอแผนปัจจุบันก็จะบอกว่าเป็นอาการของโรค ต้องการอุปทานหมู่แต่เหตุการณ์แบบนี้ถ้าเกิดขึ้นในสมัยโบราณชาวบ้านมักจะเชื่อกันว่าเป็นเพราะผู้คนเหล่านั้น ถูกภูตผีปีศาจฝากแจ้งทำร้ายและในเหตุการณ์นั้น

ที่เด็กๆหลายคนในหมู่บ้านของ รัฐแมสซาซูเสสมีอาการโวยวายขึ้นมาพร้อมกันคือการที่เด็กๆเหล่านั้นถูกแม่มดสาปแช่งดังนั้น  ทั้งบาทหลวงน้าหมอรวมถึงชาวบ้านจึงต้องหาแม่มดมาลงโทษให้ได้และเหตุการณ์ในครั้งนั้นชาวบ้านและบาทหลวงก็มั่นใจว่าแม่มดคนดังกล่าวคือหญิงผิวดำที่รับหน้าที่สอนหนังสือให้กับเด็กๆในหมู่บ้านเนื่องจากเด็กๆ

จะมีการคลุกคลีกับหญิงทำการดังกล่าวอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้มาสอนหนังสือให้ เลยว่ากันว่าระหว่างที่หญิงนำคนดังกล่าวสอนหนังสือเด็กเธอก็ใช้เวทมนต์ดำสาปแช่งเด็กๆไปด้วยทีละคนทีละคนดังนั้นเธอจึงถูกชาวบ้านและบาทหลวงจับตัวไปเพื่อทำการทรมานให้ยอมรับสารภาพว่าเธอนั้นเป็นแม่มด

ซึ่งในขณะนั้นหากจับได้ว่าใครเป็นแม่มดโทษสูงสุดก็คือการฆ่าให้ตายด้วยการแขวนคอ ในปัจจุบัน บ้านของผู้พิพากษาที่ชื่อโจนาธานเคยเป็นบ้านของแม่มดในสมัยปี 1692 ที่ยังหลงเหลืออยู่ให้ประชาชนคนปัจจุบันได้เห็น

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  bk8

ประวัติหลวงพ่อโสธร 

สำหรับหลวงพ่อโสธร ท่านเป็นพระพุทธรูปที่คนทั้งประเทศให้การเคารพนับถือ ยิ่งโดยเฉพาะชาวเมืองฉะเชิงเทราแล้วละก็ถือว่าท่านเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองเป็นพระประจำจังหวัดฉะเชิงเทราเลยก็ว่าได้ ซึ่งวันนี้เราจะมาบอกเล่าที่มาขององค์หลวงพ่อโสธรอย่างคร่าวคร่าวให้ทราบกันค่ะ

  ว่ากันว่า องค์หลวงพ่อโสธรนั้น มีประวัติเก่าแก่มายาวนานมาก โดยมีเรื่องเล่ามาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย โดยเรื่องเล่ามีอยู่ว่าในตอนนั้นมีชาวบ้านเห็นพระพุทธรูปลอยน้ำมาด้วยกัน 3 องค์ ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าพระพุทธรูปทั้งสามองค์นั้นเป็นพี่น้องกัน ซึ่งในตอนแรกนั้นพระพุทธรูปสั่งสามองค์ลอยน้ำตามกันมา

เมื่อชาวบ้านเห็นต่างก็พากันเอาเชือกขนาดใหญ่ไปมัดกับองค์พระไว้แล้วพยายามจะดึงองค์พระขึ้นมาบนฝั่ง แต่เกิดสิ่งอัศจรรย์ใจว่า มีการเกิดกระแสน้ำวน เกิดขึ้นในจังหวะทีพยายามดึงองค์พระทำให้องค์พระพุทธรูปทั้งสามองค์จมน้ำหายไป หลังจากนั้นก็มาพบองค์พระพุทธรูปลอยมาที่แม่น้ำบางปะกง ซึ่งองค์พระแต่ละองค์ต่างก็ลอยแยกกันไป

องค์หนึ่งลอยไปทางบางพลี  ซึ่งปัจจุบันคือหลวงพ่อโต อีกองค์ลอยไปทางบ้านแหลมจังหวัดสมุทรสงคราม ปัจจุบันคือ หลวงพ่อวัดบ้านแหลม และองค์สุดท้ายลอยมาที่แม่น้ำบางปะกง ซึ่งก็คือหลวงพ่อโสธรนั่นเอง

        ตามเรื่องเล่ากล่าวว่าหลวงพ่อโสธรลอยมาติดอยู่ริมตลิ่งที่หน้าวัดเสาธงทอน หรือปัจจุบันชาวบ้านเรียกวัดนี้กันว่าวัดหลวงพ่อโสธรนั่นเอง  ในตอนแรกที่เห็นองค์พระลอยอยู่ชาวบ้านพยายามนำเชือกมาดึงขึ้นแต่ทำอย่างไรก็ไม่สามารถดึงองค์พระขึ้นมาได้ จึงได้มีการไปอัญเชิญพระอาจารย์ชื่อดังที่เก่งเรื่องเวทมนต์คาถา มาทำพิธีเชิญองค์หลวงพ่อโสธรขึ้นมาจากน้ำ

ซึ่งก็เป็นผลสำเร็จและชาวบ้านได้อัญเชิญหลวงพ่อโสธรเข้าไปประดิษฐานเอาไว้ในโบสถ์ หลังจากนั้นชาวบ้านต่างก็พากันมากราบไหว้ขอพรกันเป็นจำนวนมากและที่สร้างปาฎิหารย์ ที่ ทำให้องค์หลวงพ่อโสธรมีชื่อเสียงโด่งดังมากก็เพราะว่ามีเหตุการณ์อยู่ครั้งหนึ่งซึ่งในตอนนี้เป็นช่วงที่มีการระบาดของโรคไข้ทรพิษ ซึ่งมีครอบครัวหนึ่งติดไข้ทรพิษกันทั้งครอบครัว

พวกเขาได้นำดอกไม้ธูปเทียนมากราบไหว้ขอพร และขอให้หายจากอาการของไข้ทรพิษ หลังจากขอพรเสร็จครอบครัวนี้ได้นำดอกไม้แห้งและหยุดน้ำตาเทียน มาต้มน้ำแล้วดื่ม หลังจากนั้นไม่นานทั้งครอบครัวนั้นก็หายจากอาการของไข้ทรพิษ

จึงทำให้ทุกคนมากราบไหว้ขอพร บนบานศาลกล่าวให้องค์หลวงพ่อโสธรช่วย แต่ที่ห้ามขอเพราะหลวงพ่อจะไม่ให้ก็คือ ห้ามขอไม่ไปเป็นทหาร เพราะท่านอยากให้ลูกหลานท่านเป็นทหาร ดังนั้นหากใครมาขอจะได้เป็นทหารทันที

ใครเป็นคนพบเห็น ซีอุย ฆ่าศพเด็กคนสุดท้าย

เหยื่อรายที่ 7 รายสุดท้าย เด็กชาย สมบุญ บุญยกาญจน์ ในท้ายที่สุดแล้ว ซีอุย ก็ไม่อาจที่จะหนีพ้นผลกรรมที่เขานั้นได้ก่อขึ้นเอาไว้เป็นไปได้หลังจากที่ ซีอุย ได้ลงมือที่สังหารเหยื่อรายสุดท้ายในวันที่ 27 เดือนมกมราคม พศ2501

ขณะที่ซีอุยทำงานขุดดินปลูกผักอยู่ในสวนเด็กชาย สมบุญ บุญยกาญจน์บุตรชายของนายนาวากับนางละมูลบุญยกาญจน์ ซึ่งเด็กมักจะมากับคุณพ่อเพื่อที่จะแวะซื้อผักที่ไร้ที่เป็นนายจ้างของ ซีอุย อยู่เป็นประจำและในบางครั้งนายนาวาเองก็มักที่จะใช้ลูกชายมาซื้อผักแทนเพียงลำพังซึ่งซีอุยก็ดูเหมือนว่าเขาจะคอยหาโอกาสอยู่หลายครั้งและครั้งนี้เมื่อได้โอกาสซีอุยไม่รอช้าจัดการใช้มีดแทงเข้าไปที่คอหอยของเด็กชายผู้เคราะห์ร้ายอย่างชำนาน

ก่อนที่จะใช้มีดพับกรีดหน้งอกควักเอาตับและหัวใจออกมาเหมือนเช่นเคยแต่คราวนี้เหยื่อของซีอุยเป็นลูกชายของคนที่รู้จักและสนิทสนมกับเจ้านายอีกทั้งต้องรู้ว่าลูกชายของตัวเองหายไปไหนซีอุยจึงจำเป็นต้นทำลายหลักฐานให้สิ้นซากในขณะที่นายนาวาผู้เป็นพ่อของเด็กเคราะห์ร้ายก็ได้ผิดสังเกตที่ลูกชายนั้นได้หายไปนานอย่างผิดปกติ

จึงได้ชวนเพื่อนบ้านช่วยกันออกตามหากระทั่งเมื่อมาถึงไร้และด้วยความบังเอิญพ่อของเด็กเคราะห์ร้ายและชาวบ้านได้พากันเดินตรงไปยังสถานที่ ซึ่ง ซีอุยกำลังเผาทำลายศพของเด็กชายสมบุญพอดีและเห็น ซีอุย กำลังเผาอะไรบางอย่างจึงได้เดินเข้าไปหาเพื่อจะถามว่าเห็นลูกชายของตนหรือไม่แต่เมื่อเดินเข้าไปไกล้กองไฟนายนาวาสังเกตุเห็นขาของบุตรชายโผ่งลอดกองไม้ที่ใช้สำหรับเผาออกมาจึงรีบไปเอาเสาไม้ออกและแล้วพวกเขาก็ได้พบศพเด็กชายสมบุญนอนตายอยู่ตรงนั้นในลักษณะถูกเผาไปแล้ว

บางส่วนเมื่อเห็นดังนั้นนายนาวาและชาวบ้านจึงเข้ารุมประชาทัณฑ์ซีอุยจากนั้นก็จับตัวซีอุยมัดเอาไว้กับเสาบ่อน้ำซึ่งอยู่ไกล้กันก่อนจะแจ้งตำรวจในเวลาต่อมาและเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปตรวจสอบที่พักของซีอุยก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบกับตับและหัวใจของเด็กชายสมบุญซ่อนอยู่ในตู้กับข้าวหลังจากการสอบสวนซีอุยได้ให้การรับคำสารภาพเรื่องทั้งหมดต่อมาซีอุยได้ถูกนำตัวขึ้นศาลโดยการสือบพยานและสอบปากคำทำให้ทราบว่าแท้จริงแล้วซีอุยคือคนร้ายคนเดียวกันกับที่ลงมือสังหารโหดเด็กๆรวม6ศพตามสถานที่ต่างๆนั่นเอง

โดยซีอุยรับสารภาพทุกอย่างออกมาโดยไม่มีการปฏิเสธข้อกล่าวใดๆเลยจนในท้ายที่สุดศาลได้ตัดสินประหารชีวิตและเมื่อซีอุยได้รู้ผลการพิจารณาโทษในครั้งนั้นซีอุยก็ได้เป็นลมล้มลงกับพื้นไปเลยและในวันที่17เดือนกันยายน พศ2502 ได้ปิดฉากประหารชีวิต  ซีอุย

ยอดเขาที่สูงที่สุดที่ไม่มีใครสามารถขึ้นไปพิชิตมันได้

เราลองมาดูยอดเขาที่มีความสูงเป็นอันดับสองของโลกที่มีชื่อว่าK2 ณ ยอดเขาสูงแห่งนี้ถือได้ว่าไปได้ยากกว่ายอดเขาเอเวอเรสต์ซะอีกและจากสถิติก็ได้พบว่ามีคนที่สามารถขึ้นไปยังจุดสูงสุดของยอดเขาไปเพียงแค่300คนเท่านั้น

ขณะที่มีผู้คนที่จะต้องมาจบชีวิตลงในที่แห่งนี้ถึง77ด้วยกันและมันหมายความว่ามีโอกาสที่หนึ่งในห้าคนที่จะต้องเดินทางไปยังยอดเขาแห่งนี้ก็จะต้องเสียชีวิตลงนอกจากนี้ยังไม่มีใครที่จะสามารถขึ้นไปยังยอดเขา K2 ในฤดูหนาวได้อีกด้วย

ณ ยอกเขา K2 ได้มีชื่อเล่นว่า The Savage Mountain หรือแปลกว่า ยอดเขาอำมหิต เนื่องจากว่าการปีนขึ้นไปสู่ยอดเขานี้มากยากและยังเสี่ยงต่อการเสียชีวิตอีกด้วยเรียกได้ว่าในการไปพิชิตบนยอดเขา K2 ถือเป็นหนึ่งในสถานที่มันไปได้ยากมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกกันเลยทีเดียวเราลองมาดูที่ภูเขาในเทือกเขาหิมาลัย

อีกหนึ่งลูกกันต่อภูเขาแห่งนี้มีชื่อว่า Annapurna อันนะปุรณะ ซึ่งจะถือได้ว่ามันมีภูเขาที่มีเส้นทางในการที่จะขึ้นไปยังข้างบนยอดเขาอันตรายมากๆและยังเป็นภูเขาที่ได้มีความสูงเป็นอันดับ10ของโลกเลยทีเดียวและตั้งแต่ในอดีตจนมาถึงในปัจจุบันได้มีผู้ที่สามารถขึ้นไปพิชิตยอดเขาแห่งนี้ได้เพียง191คนเท่านั้นแต่ก็ยังมีผู้ที่เสียชีวิตจากการที่จะพยายามที่จะไปให้ถึงในที่จุดสูงสุดของภูเขาแห่งนี้ถึงประมาณ61คนด้วยกัน

ซึ่งจะคิดเป็นอัตราส่วนในการเสียชีวิตสูงถึงประมาณ1ต่อ4คน ซึ่งก็หมายถึงในทุกๆ4คนที่กำลังจะพยายามที่จะขึ้นไปยังบนยอดเขาและจะมีผู้ที่สังเวยชีวิตให้กับภูเขาแห่งนี้จำนวน1คน ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นอัตราส่วนที่มีสูงมากดังนั้นต้องบอกได้เลยว่ามันเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คนสามารถที่จะไปถึงยากมากที่สุดในโลกอีกหนึ่งที่เช่นกันแต่เพื่อนจะทราบกันหรือไม่ว่ายังมียอดเขาอื่นที่ในปัจจุบันยังไม่มีคนสามารถไปพิชิตมันได้เลย

และยอดเขาที่ว่านั้นก็คือGangkhar Puensum กังคาพูนซัม ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงมากที่สุดที่ไม่มีใครจะสามารถที่จะขึ้นไปพิชิตมันได้มันมีความสูงประมาณ7570เมตร ซึ่งจะไม่มีใครที่จะสามารถขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของยอดเขานี้ได้และจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คนจะไปอยู่ที่จุดนี้เป็นระยะเวลานานภูเขาแห่งนี้ได้ตั้งอย่ในประเทศภูฏานมันได้ถูกห้ามไม่ให้นักปีนเขาขึ้นไปเนื่องจากว่ามันเป็นภูเขาที่ได้รับการเคารพจากคนในพื้นที่รวมทั้งความเชื่อด้านศาสนา

ตำนานบั้งไฟพญานาค 

   เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยกับตำนานความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องพญานาคกันเป็นอย่างดียิ่งกลับคนที่นิยมเล่นหวยแล้วก็พญานาคถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์กินข้าวหวยหลายคนมักจะไปขอหวยกัน

โดยจะไปขอหวยพญานาคที่คำชะโนดกันเป็นส่วนมากตำนานความเชื่อของพญานาคมีมานานหลายชั่วอายุคนและคนส่วนใหญ่ที่เชื่อเกี่ยวกับเรื่องพญานาคมักจะเป็นคนที่อยู่ในแถบของภาคอีสานซึ่งเป็นต้นกำเนิดของพญานาคโดยมีการเชื่อกันว่าพญานาคอาศัยอยู่ในลุ่มแม่น้ำโขงโดยทุกๆปีประชาชนต่างก็จะไปรอดูพญานาคพ่นไฟขึ้นมาเหนือน้ำ

ซึ่งเราเรียกว่างานบั้งไฟพญานาคซึ่งเทศกาลนี้จะมีการจัดขึ้นทุกๆปีและจะมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศรวมถึงนักท่องเที่ยวจากชาวต่างชาติเดินทางไปชมความอัศจรรย์นี้กันเป็นจำนวนมากและทุกๆปีก็ไม่เคยทำให้ผิดหวังเพราะว่าในทุกๆปีเรามักจะเห็นดวงไฟขึ้นมาเหนือน้ำของลุ่มแม่น้ำโขงซึ่งไม่สามารถหาคำตอบได้เหมือนกันว่าดวงไฟเหล่านั้นขึ้นมาจากแม่น้ำโขงได้อย่างไร โดยปกติแล้วการจัดงานบุญบั้งไฟพญานาคนั้นจะมีการจัดทุกวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11

ซึ่งจะตรงกับวันออกพรรษาโดยจังหวัดทางแถบภาคอีสานจะมีการจัดงานการละเล่นต่างๆแล้วตั้งแต่ช่วงหัวค่ำเป็นต้นไปประชาชนก็จะพากันไปนั่งอยู่ริมแม่น้ำโขงเพื่อรอดูรูปไฟที่จะค้นขึ้นจากแม่น้ำขึ้นมาซึ่งหลายคนชื่อว่าลูกใครเหล่านั้นคือพญานาคกำลังพ่นไฟขึ้นมา 

        สำหรับชาวบ้านที่ไปบั้งพญานาคนั้น ทางไปเพราะว่ามีความศรัทธาและเคารพนับถือในตัวพญานาคจึงต้องการไปดูปาฏิหาริย์ที่พญานาคมีการพ่นไฟขึ้นมาการทำงานประวัติความเชื่อมาแต่สมัยโบราณเชื่อกันว่ามีพญานาคอยู่ตนหนึ่งต้องการที่จะบวชเป็นพระแต่ไม่สามารถที่จะบวชได้เนื่องจากว่าไม่ใช่มนุษย์โดยตรง พญานาคตอนนี้มีนิสัยดุร้ายเป็นอย่างมาก

แต่พระพุทธเจ้าไม่ทราบเรื่องก็ได้มาโปรดสั่งสอนพญานาค จนพญานาคสำนึกตัวได้และตั้งตัวเป็นพุทธมามกะ เพราะเริ่มใสศรัทธาในองค์พระพุทธเจ้าเมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปยังสวรรค์เพื่อไปเยี่ยมพระมารดาและอยู่ที่นั่นเป็นระยะเวลา 1 พรรษา แล้วถึงเวลาที่พระพุทธเจ้าจะกลับลงมายังโลกมนุษย์เพื่อพญานาคตนนั้น

ดูเข้าจึงได้มีการพ่นไฟเพื่อทำการฉลองการกลับมาของพระพุทธเจ้าจึงเกิดเป็นบั้งไฟพญานาคนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเล่าต่อๆกันมาตามตำนานความเชื่อของคนโบราณและเมื่อถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ของทุกปีชาวบ้านก็จะมารวมตัวกันที่นี่เพื่อมาดูที่พญานาคจะมีการจุดเพื่อฉลองให้กับพระพุทธเจ้า

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  next88

ประวัติศาลเจ้าแม่งูจงอางที่พระราม 2

เชื่อว่าสำหรับนักเสี่ยงโชคและคอหวยย่อมต้องรู้จักศาลเจ้าแม่งูจงอางกันเป็นอย่างดี

เพราะที่นี่ผู้คนที่ชอบหาเลขเด็ดนิยมที่จะมาหาเลขที่นี่กันเป็นจำนนวนมากเพื่อนำเลขไปซื้อหวย  โดยศาลเจ้าแม่งูจงอางมีประวัติยาวนายมานานเกินว่า 30 ปีมาแล้ว เริ่มตั้งแต่ถนนพระราม 2 มีแค่รถสองเลนวิ่งสวนกันไปมา จนตอนนี้ถนนพระราม 2 มีการปรับปรุงก่อสร้างกลายเป็นถนน 14 เลนไปแล้ว จนถนนพระราม 2 แห่งนี้ได้รับฉายานามว่า ถนนเจ็ดชั่วโคตร

           ย้อนลอยตำนานศาลเจ้าแม่งูจงอาง ไปในสมัยที่มีการขยายถนนพระราม 2 จากสองเลนกลายเป็นสี่เลน ในตอนนั้นขณะที่คนงานก่อสร้างกำลังทำงานมาจนถึงบริเวณหลักกิโลเมตรที่หก มีอยู่วันหนึ่งในช่วงพักเที่ยงคนงานได้นอนหลับและได้ฝันว่า มีเจ้าแม่งูจงอางท้องแก่ ได้เข้ามาบอกว่าตอนนี้ตนเองกำลังจะใกล้คลอดแล้ว

ขอให้คนงานช่วยหยุดก่อสร้างประมาณสัก  7 วันเพื่อให้เจ้าแม่งูจงออกได้คลอดลูกก่อนแล้วจะพาลูกย้ายไปอยู่ที่อื่น ซึ่งเมื่อคนงานคนดังกล่าวตื่นขึ้นมาก็นำเรื่องความฝันนี้ไปเล่าให้กับหัวหน้าฟัง แต่หัวหน้าคนงานไม่เชื่อและยังคงสั่งให้ทำงานต่อไป และก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้เพราะในระหว่างที่มีการทำถนนกันอยู่นั้น คนงานที่ทำหน้าที่เกลี่ยดินได้ถอยรถไปทับรังของงูจงอางซึ่งข้างในรังนั้น มีลูกงูอยู่เต็มไปหมด แล้วก็มีลูกงูตายเป็นจำนวนมากจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ซึ่งพอคนงานเลิกงานกลับบ้านไปกำลังถอยรถเข้าบ้านก็เกิดอุบัติเหตุไปถอยรถทับคนในครอบครัวตัวเอง

จนเสียชีวิต และต่อมาตรงบริเวณที่เป็นรังของงูจงอาง ก็มักจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน จนชาวบ้านต้องอัญเชิญพราหมณ์มาทำพิธีเพื่อสื่อสารกับวิญาณจนทำให้รู้ว่า เจ้าแม่งูจงอางโกรธแค้นที่คนงานไปขับรถทับลูกของท่านตายทั้งที่ท่านได้มาขอร้องแล้ว ชาวบ้านจึงได้รวมตัวกันช่วยกันตั้งศาลให้กับเจ้าแม่งูจงอางเพื่อเป็นการขอขมาต่อเจ้าแม่

และก็มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นทำให้ศาลเจ้าแม่เป็นทีเลื่องลือ นั่นก็คือ ศาลเดิมที่ชาวบ้านสร้างขึ้นมาเพื่อขอขมาเจ้าแม่นั้นเป็นศาลไม้เล็กๆ แต่ก็มีผู้คนแวะเวียนกันมากราบไหว้เจ้าแม่กันไม่ขาดสาย แต่อยู่มาวันหนึ่งพื้นที่บริเวณศาลของเจ้าแม่ถูกไฟไหม้ เนื่องจากผู้คนพากันมากราบไหว้กันมากและมีการจุดธูปกันตลอดเวลาทำให้ธูปดับไม่ทันประกอบกับลมพัดแรงทำให้เกิดเปลวไฟและไฟได้ลามไหม้ป่าบริเวณศาลเจ้าแม่

แต่เมื่อดับไฟกันเสร็จแล้วปรากฏว่าศาลเจ้าแม่งูจงอางไม่มีร่องรอยของไฟไหม้เลย ทำให้ชาวบ้านยิ่งเคารพนับถือกันมาก โดยหลังจากนั้นก็มีคนถวายทีดินนำมาสร้างศาลให้เจ้าแม่งูจงอางใหม่ และอัญเชิญเจ้าแม่งูจงอางไปอยู่ใหม่ นับแต่นั้นผู้คนก็เดินทางไปกราบไหว้ขอหวยกันเป็นจำนวนมากจนถึงปัจจุบัน

 

สนับสนุนโดย  entaplay