การแสดงศิลปะลิเก

        ลิเกนับว่าเป็นการแสดงศิลปะวัฒนธรรมไทยในรูปแบบหนึ่งเป็นรูปแบบของการแสดงออกเป็นเรื่องราวซึ่งปัจจุบันนี้ยังคงมีคณะลิเกอยู่หลายคณะแต่ก็เหลือน้อยลงทุกทีแล้วเนื่องจากคนในปัจจุบันไม่ค่อยนิยมดูลิเกกันมากนักเพราะหันมาชมภาพยนตร์และซีรีส์มากกว่าที่จะดูลิเก

ซึ่งเป็นการแสดงของคน การแสดงลิเกนั้นจะต้องอาศัยคนที่มีความรู้ความสามารถสามารถร้องลิเกได้รวมถึงสามารถร่ายรำได้อย่างสวยงามการแสดงลิเกนั้นไม่ใช่ว่าใครก็จะสามารถเล่นได้จะต้องมีความเข้าใจและได้รับการฝึกอบรมการเรียนลิเกการร้องรำลิเกเป็นอย่างดีแล้ว

ถึงจะสามารถออกมาแสดงให้ผู้คนนั้นได้ชมได้สำหรับการแสดงลิเกนั้นนับได้ว่าเป็นศิลปะพื้นบ้านอย่างหนึ่งซึ่งมีหลายจังหวัดในการที่จะร้องรำลิเกและแต่ละจังหวัดนั้นก็จะมีลีลาการแสดงลิเกที่แตกต่างกันออกไปอย่างภาคกลางก็จะเป็นลิเกอีกในรูปแบบหนึ่งหรือภาคใต้

ก็จะแสดงลิเกอีกในรูปแบบหนึ่งสำหรับการแสดงลิเกนั้นจะต้องมีทั้งดูวงดนตรีซึ่งเป็นวงมโหรีขนาดใหญ่เอาไว้เล่นในขณะที่นักแสดงลิเกนั้นขึ้นไปแสดงบนเวทีและมีฉากสำคัญสำคัญที่ต้องเน้นการร่ายรำก็จะมีการแสดงดนตรีขึ้นมาด้วย

และการที่จะมีวงลิเกได้นั้นจะต้องมีคณะคนแสดงเป็นจำนวนมากอย่างต่ำก็ต้องไม่ต่ำกว่า 20 คนขึ้นไปเพราะการแสดงแต่ละบทบาทนั้นจะต้องอาศัยคนหลายคนไม่ว่าจะเป็นในช่วงของการลงแขกการที่มีนักแสดงแต่งกายออกมาแสดงให้คนดูหรือจะต้องมีการใช้คนเสวนาคล้ายๆกับการที่เป็นพิธีกรบนเวทีนั่นเองสำหรับการแสดงลิเกนั้นก็จะต้องมีการจัดเตรียมเวทีขนาดใหญ่

อาไว้ให้นักแสดงขึ้นไปเล่นด้านบนซึ่งเมื่อก่อนผู้คนมักจะพากันไปชมลิเกหลังจากที่เลิกการทำงานแล้วในช่วงหัวค่ำก็จะเดินทางไปชมลิเกซึ่งส่วนใหญ่ก็จะจัดขึ้นภายในวัด  แต่ต่อมาวิวัฒนาการของโลกนั้นก้าวไกลขึ้นผู้คนจึงนิยมการไปชมลิเกน้อยลงและหันมาชมทีวีกันแทนทำให้ลิเกนั้นเริ่มได้รับความนิยมน้อยลงและกำลังจะถดถอยไปตามกาลเวลา

ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างมากเพราะลิเกนั้นก็ถือว่าเป็นมรดกอย่างหนึ่งของเมืองไทยเช่นเดียวกันเลยว่ากันว่านั้นลิเกเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาแล้วเป็นการแสดงครั้งแรกให้กับเจ้าขุนมูลนายและพระมหากษัตริย์ได้ชมดังนั้นเราจึงควรศึกษาวัฒนธรรมการจัดแสดงลิเกเอาไว้เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รู้ถึงศิลปะการแสดงของคนในสมัยโบราณว่ามีการแสดงกันในรูปแบบไหนสวยงามอย่างไรนั่นเอง หากใครเคยดูการแสดงลิเก จะเห็นได้ว่า เราจะได้เห็นการรำ การร้องเพลง และการแสดงถ่ายทอดจากนักแสดงออกมาได้อย่างสวยงามและอ่อนช้อยมากทีเดียว

 

สนับสนุนโดย.    bk8

ประวัติศาสนาพราหมณ์ –ฮินดู 

          สำหรับศาสนาพราหมณ์ –ฮินดู ในปัจจุบันนี้มีคนที่นับถือศาสนานี้น้อยมาก  หากเมื่อต้องเปรียบเทียบกับศาสนาอื่นอื่นที่มีอยู่ในโลกตอนนี้   แต่หากได้มีการศึกษาเกี่ยวกับศาสนาพราหมณ์ –ฮินดู นี้อย่างแท้จริงก็จะได้รู้ว่า ที่จริงแล้ว ศาสนาพราหมณ์ –ฮินดู นี้นับเป็นศานาที่เกิดขึ้นมาในโลกใบนานก่อนศาสานาอื่นอื่น ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่าเป็นศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ 

          แต่ถึงแม้จะเป็นศานาที่เกิดมานานกว่า เก่าแก่กว่าศาสนาอื่น แต่เมื่อเริ่มมีศาสนาพุทธเริ่มเข้ามา ศาสนาพราหมณ์ –ฮินดู ก็มีคนให้ความนับถือลดน้อยถอยลง จนในที่สุดก็เสื่อมความนิยมลงนั่นเอง โดยมีศาสนาพุทธเข้ามาแทนที่   แต่หลังจากนั้นศาสนาพราหมณ์ –ฮินดูก็มีการปฏิรูปด้านศาสนาของตนเองขึ้น ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 13 นั่นเอง

         สำหรับการปฏิรูปศาสนาของ ศาสนาพราหมณ์ –ฮินดูนั้น ได้เริ่มมีการเอาหลักธรรมบางส่วนของศาสนาพุทธเขามา ทำให้หลายคนเริ่มกลับมาสนใจศาสนาพราหมณ์ –ฮินดู กันมากขึ้น   สำหรับศาสนาพราหมณ์ –ฮินดู นิยมนับถือกันมาในกลุ่มคนของประเทศอินเดีย เนื่องจากว่าอารยธรรมของศาสนาพราหมณ์ –ฮินดู มีการเผยแพร่เข้ามาที่ประเทศอินเดียผ่านทางแม่น้ำสินธุ  ซึ่งการนับถือของ ศาสนาพราหมณ์ –ฮินดู นั้นนิยมนับถือเทวดา 

       ดังนั้นจะเห็นได้ว่าอินเดียทางตอนเหนือนั้น จึงมีการนับถือพระศิวะ  เพราะพระศิวะในศาสนาพราหมณ์ –ฮินดู  นั้นก็คือเทวดาเป็นเทพที่สิงสถิตอยู่ที่ภูเขาหิมาลัยนั่นเอง   และในขณะเดียวกันองค์เทพที่ปกปักษ์รักษาประเทศอินเดียทางด้านตอนใต้นั่นก็คือ พระวิษณุ  เนื่องจากชาวบ้านเชื่อกันว่า องค์พระวิษณุนั้นจะบันดาลฝน และพายุ ดังนั้นกลุ่มชาวประมง จึงค่อนข้างเคารพนับถือพระวิษณุกันมากเลยทีเดียว 

      อย่างไรก็ตามคนอินเดียที่อยู่ทางตอนใต้ไม่ไดนับถือเพียงแค่องค์พระวิษณุ องค์เดียวเพียงเท่านั้น  เพราะยังมีเทพองค์อื่นอื่นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระนิรุทธ  ซึ่งจะเป็นชาวป่าที่ให้ความเคารพนับถือ และยังมีพระพิฆเนตร ที่จะมีคนนับถือกันมากอีกด้วย

  อย่างไรก็ตามมีช่วงหนึ่งที่คนในประเทศอินเดียเกิดแตกแยกกัน และมีการขับไล่กลุ่มราชวงศ์ รวมถึงศาสนาอื่นอื่นในประเทศอินเดียก็ถูกกำจัด ดังนั้นผู้นำท้องถิ่นของแต่ละที่จึงได้รวมตัวกัน นำองค์เทพของแต่ละถิ่นที่ตนนับถือมารวมกัน ให้เป็นเพียงหนึ่งเดียว แล้วมีการเรียกตั้งชื่อขึ้นมาใหม่ ว่าศาสนฮินดู  

       ดังจะเห็นได้ว่าปัจจุบันนั้น เราจะมีการรู้จัก ศาสนาพราหมณ์ –ฮินดู  ว่าเป็นศานาฮินดูนั่นเอง  ในสมัยก่อน ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะมาเผยแพร่พระพุทธศานาพระองค์ก็เคยนับถือศาสนาพราหมณ์ มาก่อน ดังนั้นจึงเรียกได้ว่า ศาสนาพราหมณ์ –ฮินดู กับศาสนาพุทธจึงมีความเกี่ยวพันกันนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  aecasino

ตำนานการสร้างประวัติเสาชิงช้า

         ในกรุงเทพฯนั้นจะมีเสาชิงช้าซึ่งเป็นเสาชิงช้าขนาดใหญ่สูงเท่ากับตึก 5 ชั้นโดยมีการทาสีแดงเอาไว้โดยสถานที่ตั้งนั้นจะอยู่ในกรุงเทพฯตรงบริเวณเขตพระนครนั่นเองซึ่งเสาชิงช้านั้นมีประวัติการก่อสร้างมานานหลายร้อยปีแล้วโดยว่ากันว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยของรัชกาลที่ 1

จนถึงปัจจุบันนี้เสาชิงช้าก็ยังคงมีอยู่ให้เห็นโดยมีการบูรณะซ่อมแซมมาโดยตลอดสำหรับการก่อตั้งเสาชิงช้านั้นว่ากันว่าเกิดมาจากการที่รัชกาลที่ 1 นั้นต้องการที่จะให้บริเวณดังกล่าวนั้นเป็นสถานที่สำหรับการประกอบพิธีตรียัมพวาย  ตีปวาย

ซึ่งว่ากันว่าพิธีศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นพิธีที่สร้างขึ้นมาสำหรับผู้ที่นับถือศาสนาพราหมณ์ฮินดูโดยมีความเชื่อกันว่าการประกอบพิธีนี้จะเป็นการต้อนรับพระอิศวรซึ่งพระองค์นั้นแต่เดิมแล้วอยู่บนสรวงสวรรค์แต่จะลงมาที่โลกมนุษย์ในวันขึ้น 7 ค่ำเดือนยี่ดังนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 1 จึงได้มีการโปรดเกล้าให้ทรงสร้างเสาชิงช้าเอาไว้เพื่อเป็นการทำพิธีโล้ชิงช้าเพื่อเป็นการต้อนรับพระอิศวรที่จะเสด็จลงมาจากสวนสวรรค์นั่นเอง  

         อย่างไรก็ตามการเสด็จลงมาสวนสวรรค์ของพระอิศวรนั้นพระองค์ไม่ได้ลงมาเพียงแค่พระองค์เดียวเท่านั้นยังมีเหล่าเทวดาทั้งหลายรวมถึงเหล่าธิดาเทพทั้งหลายได้ลงมาเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยเช่นเดียวกันซึ่งในที่นี้จะมีตั้งแต่พระอาทิตย์   พระคงคา  พระแม่ธรณี  พระจันทร์

และยังมีองค์เทพอื่นๆอีกมากมายหลายองค์ที่จะมาคอยเข้าเฝ้าพระอิศวรตรงบริเวณที่มีการทำพิธีโล้ชิงช้าส่วนวิธีการลดสินค้านั้นว่ากันว่ามีตำนานที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการทำพิธี ตรียัมปราย หรือที่เราเรียกกันว่าพิธีโล้ชิงช้านั่นเอง

โดยพิธีนี้ในอดีตกาลได้มีข้อมูลบันทึกไว้เป็นหลักฐานในคัมภีร์เฉลิมไตรภพซึ่งได้มีการกล่าวถึงพิธีดังกล่าวไว้ว่าเป็นพิธีที่จัดขึ้นมาจากการที่ในสมัยก่อนนั้นพระมหาอุมาเทวีพระองค์ทรงมีความวิตกกังวลเกรงว่าโลกมนุษย์นั้นจะถึงภัยพิบัติโลกจะแตกดับสลายจึงได้มีการพนันกับพระอิศวรว่าโลกมันจะแตกดับจริงหรือไม่

เนื่องจากว่าพระอิศวรนั้นเป็นผู้ที่สร้างโลกขึ้นมาโดยพระอิศวรนั้นพนันว่าโลกจะยังคงอยู่และไม่แตกดับซึ่งวิธีการพนันของพระอุมาเทวีกับพระอิศวรนั้นกระทำกันได้โดยที่พระอุมาเทวีจะให้พระอิศวรนั้นยืนขาเดียวหลังจากนั้นพระองค์จะแกว่งตัวเองไปใกล้กับพระอิศวรถ้าหากพระอิศวรไม่ล้มลงแสดงว่าโลกจะไม่ถึงกาลอวสาน

โดยพระอุมาเทวีนั้นได้มีการให้พญานาคซึ่งเป็นบริวารของตนนั้นถึงตนเองระหว่างต้นพุทราแล้วพระอุมาเทวีก็ทรงนั่งไปบนล่างของพญานาคแล้วแกว่งตัวเองไปที่พระศิวะซึ่งเมื่อมีการทำพิธีการปรากฏว่าพระศิวะนั้นไม่ล้มลงจึงเป็นอันที่ทราบกันดีว่าพระศิวะนั้นชนะการพนันพระอุมาเทวีหลังจากนั้นบรรดามนุษย์จึงได้มีการสร้างเสาชิงช้าขึ้นมาเพื่อที่จะเป็นตัวแทนต้นพุทราที่พระอุมาเทวีนั้นได้มีการโล้ชิงช้าไปใส่พระศิวะนั่นเอง

        และนี่จึงเป็นที่มาของการสร้างเสาชิงช้าในเขตพระนครของกรุงเทพฯเรานั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  สูตรหวยยี่กี ruay

ศิลปินผู้ไม่เคยขายผลงานได้เลย 

งานศิลปะต่างๆถูกสร้างสรรค์โดยศิลปินไม่ว่าจะเป็นแนวคิดจินตนาการหรือว่าจะเป็นในส่วนของลักษณะงานต่างๆ ซึ่งบางคนก็มีเอกลักษณ์ในการทำงานที่แตกต่างกันไปการปฏิบัติงานการฝึกฝน

หรือไม่ซึ่งจะเป็นการประสบความสำเร็จของกิจกรรมต่างๆแต่ละยุคหรือว่าสมัยต่างๆก็มีลักษณะที่แตกต่างกันไป ศิลปินบางคนอาจจะทำงานเพียงไม่กี่ชิ้นก็สามารถประสบความสำเร็จได้เพราะการสื่อสารกับผู้คนหรือว่าจะเป็นการนำเสนองานต่างๆ

รวมทั้งยังมีในส่วนของศิลปินที่ทำงานเกือบพันชิ้นหรือหมื่นชิ้นก็ยังไม่มีคนซื้อหรือยังไม่มีคนเข้าถึง ถ้ามีการพูดถึงจิตรกรที่มีความยิ่งใหญ่มากที่สุดอันดับต้นๆของโลกและเป็นความล้มเหลวอันดับต้นๆของโลกเช่นเดียวกันนั่นก็คือคงไม่พ้น คนที่ชื่อว่าแวนโก๊ะ แวนโก๊ะคือจิตรกรที่มีความน่าสนใจ

อย่างมากเพราะเขาต้องต่อสู้กับโรคซึมเศร้า และตลอดชีวิตเขาก็แทบจะไม่เคยขายงานศิลปะได้เลยเขาเขียนงานในทุกๆวันสร้างจินตนาการชีวิตของจิตรกรต่างๆเป็นการถ่ายทอดรูปแบบงานต่างๆมีการจดบันทึกเรื่องราวสร้างรูปแบบโครงสร้างการทำงานต่างๆ

ผู้คนให้ความสนใจในการเก็บรักษาโครงการจิตรกรต่างๆที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายมากยิ่งขึ้นเพราะรูปแบบงานต่างๆเหล่านี้มีการพัฒนาและมีการปรับเปลี่ยนตัวตลอดเวลานอกจากนี้เองงานประติมากรรมภาพวาดภาพเขียนยังมีรูปแบบทรงคุณค่าที่ทำให้มีความจำเป็นจะต้องมีการเก็บรักษาไว้ 

การส่งต่อไม่ว่าจะเป็นแนวคิดการพัฒนารูปแบบงานต่างๆหรือแม้แต่จะเป็นการส่งต่อโครงสร้างความเข้าใจของผู้คนมีการพัฒนาตลอดเวลาผู้คนให้ความสนใจในการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์ผลงาน

โดยเฉพาะจิตรกรที่มีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมเกี่ยวกับงานศิลปะไม่ว่าจะเป็นการขยายความเข้าใจของผู้คนความรู้เกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆสำนักงานศิลปะงานศิลปะเป็นการบ่งบอกถึงสภาพจิตใจของเกษตรกรนานๆ แวนโก๊ะตัวเองต้องต่อสู้กับโรคซึมเศร้า และการอกหักจากหญิงสาวทำให้ต้องตัดหู 1 ข้างไปเพิ่มให้กับผู้หญิงคนนั้น

แต่เขาก็ยังมีการทำงาน และเขาก็มีการทำงานศิลปะอยู่ตลอดเวลางานที่มี มีชื่อเสียง 1 อัน คือ Starry Night เป็นงานศิลปะที่มีความเรื่องลือและเรื่องชื่ออย่างมากในยุคปัจจุบันก็ไม่สามารถประเมินค่าได้ในงานศิลปะนี้ แต่ตลอดอายุชีวิตการทำงานของแวนโก๊ะช่างน่าเศร้าเพราะเขาไม่เคยมีคนเห็นคุณค่าของงานศิลปะนานๆ

จนเขามีการฆ่าตัวตายโดยใช้ปืนยิงหัวตัวเองตาย และหลังจากนั้นไม่ว่าจะเป็นปืน ที่เขาใช้สังขารตัวเอง หรือภาพวาดเองก็ตามในยุคหลังนี้ค่อนข้างมีคุณค่าและมีราคาที่ค่อนข้างสูงบางชิ้นงานของเขาก็ไม่สามารถประเมินค่าได้

นี่จึงเป็นชีวิตของศิลปินหรือกิจกรรมต่างๆที่มีความทุ่มเทให้กับงานศิลปะในช่วงเวลาที่เขาไม่มีลมหายใจอยู่งานของเขากลับมีความต้องการของผู้คนมากมาย 

 

สนับสนุนโดย  hiallbet

ยุคกรีกอาณาจักรและการควบคุมของงานศิลปะ 

การฟื้นฟูและการเจริญรุ่งเรืองของชนเผ่าต่างๆที่มีการพัฒนาตลอดเวลาเป็นการส่งต่อเรื่องราวไม่ว่าจะเป็นความเชื่อหรือแม้แต่จะเป็นศาสนาต่างๆที่มีประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้น งานศิลปกรรมส่วนหนึ่งที่สามารถสื่อสารของผู้คนได้ง่ายและเป็นเพราะว่าเป็นการพัฒนา

ทำให้ผู้คนมีความเข้าใจรูปแบบเดียวกันอีก 1 ยุคที่มีความเจริญรุ่งเรืองหรือแม้แต่จะเป็นการขยายแผ่นหน้าของตัวเองได้ง่ายมากยิ่งขึ้นและก็คือ สมัยกรีก กรีคือชนเผ่าที่เป็น European เรียกตัวเองว่า harris ชนเผ่านี้มีการพัฒนาทางด้านความคิดถึง

แม้จะเป็นในส่วนของอารยธรรมเก่าแก่ทางด้านตะวันตกการเปลี่ยนแปลงทางด้านศาสนาหรือแม้แต่ในอารยธรรมกรีกมีการเผยแพร่ที่เพิ่มมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงทางด้านนวัตกรรมต่างๆการสร้างสรรค์ผลงาน

หรือแม้แต่จะเป็นการพัฒนางานต่างๆที่มีการปรับเปลี่ยนหรือแม้แต่จะเป็นการพัฒนาที่เพิ่มมากขึ้นของผู้คนในยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็นการแกะสลักการพิมพ์ภาพนูนต่ำนูนสูงหรือแม้แต่เป็นการพัฒนาโดยเฉพาะยุคสมัยของกรีกเป็นยุคที่มีความเฟื่องฟูสำนักงานศิลปะทั้งสิ้น

การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นงานประติมากรรมของกรีกที่มีความร่วมสมัยอย่างยิ่งเป็นการใช้อุปกรณ์ต่างๆที่มีประสิทธิภาพ ผู้คนต่างมีสุนทรียภาพในการรับรู้เรื่องราวต่างๆไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะความสวยงามหรือแม้จะเป็นเรื่องราวต่างๆถูกจดบันทึกในงานศิลปะทั้งสิ้นอย่างไรก็ตามนี้จะเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่ง

ในยุคปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงทางการใช้งานต่างๆหรือแม้แต่การสร้างสรรค์ผลงานต่างๆของแต่ละยุคสมัยของอารยธรรมกรีกก็มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ยกตัวอย่างเช่นสมัย สมัย archaic สมัยคลาสสิก สมัยเฮลเลนิสติก นี่เป็น 3 ยุคสมัยของกรีกที่มีการพัฒนาทางด้านการศึกษาหรือแม้แต่จะเป็นการส่งต่อเรื่องราวต่างๆเป็นการพิมพ์ภาพนูนต่ำสร้างรายละเอียดต่างๆ

ให้งานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างไรก็ตามในยุคปัจจุบันจึงมีรูปแบบงานต่างๆที่ผู้คนต่างๆสามารถเข้าถึงได้ง่ายมากยิ่งขึ้นนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาความรู้หรือแม้แต่จะเป็นการส่งต่อเรื่องราวต่างๆผ่านงานศิลปะมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา

อารยธรรมกรีกจึงเป็นอีกหนึ่งที่มีการพัฒนาเฟื่องฟูหรือไม่ได้เป็นการสร้างสรรค์ผลงานที่มีประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นการเปลี่ยนแปลงในยุคสมัยที่การพัฒนาไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้สำริดต่างๆหรือแม้แต่จะเป็นอุปกรณ์ในการใช้งานที่มีประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นของผู้คน การเปลี่ยนแปลงความรู้หรือไม่เช่นการพัฒนาการทำงานต่างๆ

ที่มีการเพิ่มตลอดเวลาของแต่ละยุคสมัยทำให้มีการส่งต่อเรื่องราวต่างๆและความเชื่อต่างๆมาจนถึงยุคปัจจุบันที่มีการพัฒนาหรือมีการเปลี่ยนแปลงทางความเชื่อของผู้คนอยู่ตลอดเวลาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นหรือไม่จำนวนการเปลี่ยนแปลงให้มีความรับรู้ที่เพิ่มมากขึ้น 

 

สนับสนุนโดย  สูตรหวยยี่กี

ความสำคัญอย่างยิ่งในการเสพงานศิลปะ 

ความสำคัญของงานศิลปะโดยการเสพงานศิลปะในยุคปัจจุบันที่มีการพัฒนาตลาดผู้คนในยุคปัจจุบันมีความสำคัญอย่างยิ่งจำเป็นจะต้องมีการเข้าถึงรูปแบบงานศิลปะหรือแม้แต่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคมผลงานประติมากรรมต่างๆของมนุษย์เป็นการบอกถึงเรื่องราวต่างๆไม่ว่าจะเป็นการดำเนินชีวิตโดยการใช้ชีวิตในยุคต่างๆ

หรือแม้แต่การแสดงความคิดเห็นของแต่ละยุคแต่ละสมัยอย่างไรก็ตามในปัจจุบันนักเรียนคิดว่ามนุษย์มีการดำรงชีวิตอยู่ตามลักษณะหรือมีการผลิตอุปกรณ์ต่างๆในการใช้งาน จึงมีการทำงานศิลปะที่แตกต่างไปเพราะว่าแต่ละยุคสมัยมีลักษณะในการใช้ชีวิตลักษณะในการทำงานที่แตกต่างกันการทำอุปกรณ์ต่างๆเหล่านี้เข้ามาทำงานศิลปะตามความชำนาญ

หรือความแม่นยำของตัวเองจะช่วยให้งานต่างๆเหล่านั้นเป็นผลงานที่แสดงให้เห็นถึงแต่ละยุคสมัยยกตัวอย่างเช่นยุคหิน ยุคอียิปต์ ยุคกรีก ยุคโรมัน ถึงได้ยุคจะมีการทำงานที่ คล้ายคลึงกันแต่ลักษณะงานก็แตกต่างกันออกไปตามลักษณะความเป็นอยู่ของผู้คน

หรือแม้แต่จะเป็นแนวคิดต่างๆ การพัฒนางานหรือการส่งต่อต่างๆเหล่านี้มีการพัฒนาและการส่งต่อตลอดเวลาความสำคัญของการเสพงานไม่ว่าจะเป็นการสร้างสุนทรียภาพการรับรู้เรื่องราวต่างๆหรือแม้แต่จะเป็นการเก็บรักษางานศิลปะเพื่อส่งต่อเรื่องราวและเรื่องราวไปสู่ผู้คน นี่เองจะไปสำคัญอย่างยิ่งที่งานศิลปะต่างๆ

มีการพัฒนาและการส่งต่อเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างในการใช้ชีวิตของผู้คนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างไรก็ตามจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่นิยมปฏิบัติผู้คนให้ความสนใจในการศึกษาเรื่องราวต่างๆหรือแม้จะเป็นการเก็บรักษาข้อมูลไม่ว่าจะเป็นข้อมูลในยุคปัจจุบันหรืออดีตการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างความสำคัญของผู้คนที่มีการพัฒนาตลอดเวลา

มีการปรับปรุงและมีการส่งต่อเรื่องราวที่พัฒนาให้มีประสิทธิภาพหรือแม้แต่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างความเป็นอยู่ของผู้คน ที่ผู้คนมีการเปลี่ยนแปลงในการพัฒนารูปแบบในการทำงาน 

จึงทำให้งานศิลปะต่างๆนี้มีความคงอยู่หรือไม่การส่งต่อ การทำงานศิลปะรูปแบบต่างๆไม่ว่าจะเป็นงานนำอุปกรณ์ธรรมชาติมาทำงานศิลปะรูปแบบต่างๆไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงเทคนิคต่างๆในการทำงาน ช่วยให้ผู้คนสร้างรูปแบบหรือสามารถเข้าถึงบางอย่างได้

ยกตัวอย่างเช่นผู้คนสามารถเข้าถึงเกี่ยวกับศาสนาได้ทำงานศิลปะ ผู้คนสามารถเรียนรู้เรื่องราวต่างๆได้อย่างไรก็ตามที่เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่เทคโนโลยีต่างๆด้วยนวัตกรรมต่างๆมีการพัฒนาและมีการปรับปรุงอย่างไรเวลาให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น การเข้าถึงงานหรือแม้แต่จะเป็นการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆก็มีการพัฒนาตลอดเวลาจากศิลปิน

หรือองค์กรต่างๆซึ่งในยุคปัจจุบันก็มีอะไรละองค์กรให้ความสนใจในการเข้ามาพัฒนารูปแบบหรือแม้แต่จะเป็นการสร้างสรรค์ผลงานที่มีประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นของผู้คนแต่ละยุคสมัย หรือแม้แต่จะเป็นการเรียนรู้เทคนิคต่างๆในการนำมาพัฒนางาน 

 

สนับสนุนโดย  สูตรหวยแม่นๆเข้าทุกงวด

การจดบันทึกและการส่งต่องานศิลปะต่างๆ 

ยุคหิน 30,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช คือจุดเริ่มต้นของงานศิลปะยุคแรกคือยุคหินเก่ายุคหินเก่าเป็นยุคที่มีการทำงานศิลปะโดยการขูดขีดเห็นหรือแม้แต่จะเป็นการแกะสลักเป็นภาพนูนต่ำ ผู้คนในยุคสมัยก็มีการพัฒนางานที่แตกต่างกัน

ออกไปสันนิษฐานได้ว่ามนุษย์ในยุคนั้นมีความต้องการในการจดบันทึกเรื่องราวต่างๆควรจะหยุดแต่สมัยก็มีความต้องการในการพัฒนาความรู้ความสามารถหรือแม้แต่จะเป็นการพัฒนาเรื่องราวการจดบันทึกต่างๆ การคิดค้นอักษรต่างๆก็เป็นอีกหนึ่ง

ช่องทางในการจดบันทึกอย่างไรก็ตามในยุคปัจจุบันต้องยอมรับว่าการพัฒนาความรู้ผู้คนหรือแม้จะเป็นแนวคิดผู้คนก็มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ผู้คนมีความต้องการในการส่งต่อเรื่องราวต่างๆยกตัวอย่างเช่น

เราค้นพบเกี่ยวกับวิธีทำการเกษตรเราก็ต้องจำเป็นจะต้องถ่ายทอดให้คนรุ่นหลังได้รู้ หนึ่งในการส่งต่อเรื่องราวต่างๆเหล่านี้คือการจดบันทึกในยุคนั้นไม่มีการประดิษฐ์ลายลักษณ์อักษรแต่จะใช้เป็นการจดบันทึกผ่านงานศิลปะคือการขูดขีดหินการวาดรูประบายสี เมื่อ 30,000 ถึง 10,000 ปีก่อนคริสต์ศักราชเป็นการจดบันทึก

เรื่องราวไว้ว่ามนุษย์สามารถวาดภาพระบายสีได้ตั้งแต่ในยุคนั้นๆ นี่จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ในยุคต่อมาผู้คนสามารถศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์หรือแม้แต่จะเป็นการค้นหาข้อมูลต่างๆมากขึ้นว่าในคนยุคนั้นมีกิจกรรมใดทำบ้างหรือแม้แต่จะเป็นสภาพสังคมเศรษฐกิจรวมทั้งความเป็นอยู่ของผู้คนการคิดค้นอุปกรณ์ต่างๆในการใช้งานโดยการค้นหาของนักประวัติศาสตร์ผ่านงานศิลปะหรือแม้แต่จะเป็นเครื่องใช้ของผู้คนในยุคนั้น

จดบันทึกในยุคต่อมาก็มีการใช้ลายลักษณ์อักษรอย่างไรก็ตามนี้จึงเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจในการสร้างสรรค์ผลงานหรือแม้แต่จะเป็นการสร้างรูปร่างลักษณะต่างๆโดยใช้ขวด หรือแม้แต่จะเป็นเครื่องปั้นดินเผาต่างๆในยุคต่อมา

แต่ในยุคหินต่างๆเหล่านี้มีคนการล่าสัตว์ก็จะมีการใช้เลือดของสัตว์ในการเขียนบนฝ่ากำแพงหรือแม้แต่จะเป็นในส่วนของ งาช้าง เขาสัตว์ต่างๆ หรือโขดหิน ขอนไม้ สิ่งเหล่านี้ช่วยทำให้ผู้คนมีการพัฒนารูปแบบหรือคุณภาพชีวิตต่างๆที่มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นอย่างไรก็ตามที่จะเป็นเทคโนโลยีต่างๆหรือนวัตกรรมต่างๆที่มีการพัฒนาตลอดเวลา

ทำให้มีการสร้างสรรค์เรื่องราวงานศิลปะต่างๆอยู่เสมอผู้คนแต่ยุคสมัยก็มีการพัฒนาความรู้ความสามารถหรือแม้แต่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างความเป็นอยู่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ผู้คนให้ความสนใจในการพัฒนาความรู้ความสามารถหรือแม้แต่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างในการพัฒนาความเป็นอยู่ที่ในยุคปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอผู้คนให้ความสนใจในการบันทึกเรื่องราวต่างๆเป็นการส่งต่อองค์ความรู้

โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่มีการพัฒนาความรู้อยู่ตลอดเวลาเป็นระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่สามารถเข้าได้ตลอด 24 ชั่วโมงเราจึงสามารถเข้าถึงข้อมูลเนื้อหาแต่หากลองมองย้อนกลับไปยกก่อนนั้นเราไม่สามารถค้นหาข้อมูลต่างๆเหล่านี้ได้จดบันทึกที่ดีที่สุดคือการเขียนหรือสร้างลายลักษณ์อักษร 

 

สนับสนุนโดย  เซ็กซี่ บาคาร่า ทดลองเล่น

เรียนรู้ศิลปะอย่างเข้าใจ

ศิลปะเป็นสิ่งที่หลายคนอาจจะมองว่ามีความซับซ้อน เนื่องจากคำว่าศิลปะนั้นเป็นคำที่มีความหมายอย่างกว้างๆ ไม่ได้เป็นการเฉพาะเจาะจงสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือเป็นสิ่งที่กำหนดประเภทสิ่งเหล่านั้น ว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้คือศิลปะ

แต่อาจจะไม่ได้มีการเข้าถึงว่าศิลปะสิ่งนั้นสิ่งนี้คือศิลปะประเภทใด ทำให้จะต้องมีการเจาะลึกหรือเจาะจงลงไปอีกว่า ศิลปะนั้นมีกี่ประเภทและในแต่ละประเภทนั้นมีอะไรบ้างและศิลปะแต่ละประเภทนั้นมีลักษณะอย่างไร

และสิ่งไหนที่เป็นศิลปะชนิดนั้นๆ ซึ่งก็ถือว่ามีความซับซ้อนในระดับที่ทุกคนนั้นพอจะเรียนรู้ได้ ไม่ได้มีความซับซ้อนมากมายขนาดนั้นถ้าหากทุกคนนั้นลองเปิดใจและเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน ศิลปะถ้าหากจะพูดอย่างง่ายๆ เลยก็คือการสร้างสรรค์ด้วยจินตนาการและอารมณ์ของมนุษย์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดชิ้นงานหรือผลงานขึ้นมา

ซึ่งผลงานและชิ้นงานเหล่านั้นจะมีความแตกต่างกันออกไปและมีเอกลักษณ์ที่เด่นชัดไปตามแต่ละบุคคล ดังนั้นศิลปะจึงเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจะลอกเลียนแบบได้ยากและถึงแม้จะลอกเลียนแบบได้ก็ไม่ได้เหมือน100%อย่างแน่นอน

ศิลปะมีการแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ที่เข้าใจง่ายได้ก็คือ ศิลปะการขีดเขียน การวาด  การปั้นหรือที่เรียกอย่างเป็นสากลว่างานประติมากรรม งานจิตรกรรม เป็นต้น ซึ่งศิลปะประเภทนี้นั้นก็มีการแบ่งย่อยออกเป็นประเภทต่างๆมากมายอกด้วย แต่ถ้าหากจะพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือศิลปะในเชิงการสร้างสรรค์และสร้างชิ้นงาน

ซึ่งศิลปะเหล่านี้นั้นจะมีการแสดงออกมาเป็นรูปร่างไม่ว่าศิลปินหรือผู้สร้างสรรค์นั้นจะมีการจิตนาการอหรืออารมณ์อย่างไรก็จะถูกถ่ายทอดออกมาเป็นรูปลักษณ์หรือลายลักษณ์อักษรนั่นเอง

ศิลปะด้านดนตรี ก้เช่นเดียวกัน มีการแบ่งแยกออกเป็นประเภทต่างๆมากมาย โดยส่วนใหญ่ศิลปะในด้านดนตรีนั้นก็หมายถึงศิลปะการขับร้องต่างๆ ด้วยเพราะสิ่งเหล่านี้นั้นจำเป็นจะต้องอาศัยและฝึกร้องด้วยตัวโน๊ตดนตรีนั่นเอง ทำให้การสร้างสรรค์ในลักษณ์นี้นั้นจึงได้ถูกเรียนว่าศิลปะทางด้านของดนตรีทั้งสิ้น

โดนศิลปะด้านดนตรีนั้นจะถูกสร้างสรรค์ออกมาเป็นเสียง เสียงที่มีความไพเราะ เสียงที่สามารถสร้างความเพลิดเพลินให้ผู้ฟังหรือผู้ที่ได้ยินได้ ซึ่งการสร้างสรรค์ทางด้านดนตรีนั้นก็มักจะเป็นการใช้อารมณ์ความรู้สึกหรือความนึกคิดบางครั้งก็เป็นการถอดทอดเรื่องราวที่เคยพบหรือเรื่องราวของคนรอบๆข้างผ่านไปในเสียงเพลงหรือเสียงดนตรีนั่นเอง

ศิลปะด้านการใช้ชีวิต เป็นศิลปะอีกหนึ่งประเภทที่หลายๆคนนั้นอาจจะยังไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้นั้นก็ถูกเรียกว่าเป็นศิลปะเช่นกัน ศิลปะประเภทนี้นั้นรสมถึงศิลปะด้านการพูดด้วย

เป็นสิ่งที่เรานั้นมักใช้ในชีวิตประจำวันซึ่งศิลปะประเภทนี้นั้นไม่สามารถจิตนาการหรือสร้างสรรค์ให้เป็นไปอย่างที่คิดได้ทั้งหมด เป็นศิลปะที่ต้องอาศัยประสบการณ์และจึงจะสามารถสร้างสรรค์ได้

 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  เว็บตรงบาคาร่า

สุสานเฮี้ยนที่ จ.กาญจนบุรี

สุสานเฮี้ยนที่ จ.กาญจนบุรีสำหรับสถานที่สุสานโสเภณีแห่งนี้หลายที่ที่ได้เข้ามาลองดีในสถานที่แห่งนี้กันนั้นส่วนใหญ่แล้วกลับไปได้ของตามที่ตัวเองต้องการจริงๆบางคนก็เห็นว่ามีวิญญาณตามไปบางคนก็เจอในระหว่างที่ได้เข้าไปสำรวจนั้นเลยเหมือนอย่างเรื่องราวของผู้หญิงท่านหนึ่งที่เราจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้

ซึ่งเธอและเพื่อนๆได้เข้ามาสำรวจในสถานที่แห่งนี้และเจอดีเหมือนกันเรื่องราวนี้เป็นเรื่องราวของคุณวุ้นเส้นโดยเธอเล่าให้ฟังว่าเดิมทีเธอเป็นคนกรุงเทพได้แต่งงานแล้วก็ย้ายมาอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรีทุกปีเพื่อนๆของเธอจากกรุงเทพจะพากันเดินทางมาพักผ่อนกันที่จังหวัดกาญจนบุรีและทุกครั้งเธอก็มักจะพาเพื่อนๆไปที่สะพานข้ามแม่น้ำแควไปเที่ยวน้ำตกบ้างไปเขื่อนบ้างไปกินข้าวร้านดังๆ

โดยตัวเธอเองก็เป็นคนที่ชอบเทคแคร์เพื่อนแล้วไม่อยากให้เพื่อนเบื่อกันก็พายามพาสถานที่แปลกๆพาเพื่อนๆไปพาไปเดินตลาดน้ำใหม่ๆบ้างพาไปเที่ยวที่ใหม่ๆแต่ก็รู้สึกว่าไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่จนมาเจอที่ที่หนึ่งที่เธออยากจะไปมานานมากแล้วแต่แฟนของเธอนั้นห้ามเอาไว้ตลอดว่าอย่าไปโดนเด็ดขาดที่นั้นก็คือท่าล้อซอย9หรือว่าอีกชื่อหนึ่งก็คือสุสานโสเภณีร้างนั่นเอง

นอกจากนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเธอโดยเธอและเพื่อนๆได้เปิดกูเกิลสตรีทวิวเข้าไปดูได้แต่เพียงเห็นกำแพงด้านนอกและมันยิ่งทำให้เธอนั้นอยากรู้ไปมากกว่าเดิมว่าข้างในนั้นมันจะเป็นอย่างไรเธอได้ชวนเพื่อนๆเราลองไปที่สุสานโสเภณีร้างกันไหม

ซึ่งมันก็แปลกทุกคนดูไม่ปฏิเสธเลยทุกคนดูตื่นเต้นและเธอก็ได้พูดว่าที่สำคัญแห่งหนึ่งไม่ไปถึงว่ามาไม่ถึงที่นี่เลยนะจนกระทั่งเวลาหกโมงเย็นก็ออกเดินทางขับรถอกไปเรื่อยๆตัวของเธอก็ตื่นเต้นมากๆว่าจะได้เห็นสักทีสิ่งที่แฟนของเธอได้ห้ามอยู่ตลอดเธอก็พยายามบอกทุกคนว่าเราไม่ได้จะมาลบหลู่เพียงแต่ว่าเธอนั้นอยากจะเห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นเท่านั้นเอง

เมื่อเธอและเพื่อนไปเดินมาถึงหน้าประตูสุสานโสเภณีสิ่งแรกที่เธอสัมพันได้ก็ความว่างเปล่าทุกคนกำลังเดินเข้าไปข้างในก็มีป้าแก่ๆวัยประมาณ60กว่าๆได้เดินเข้ามาหาพวกเธอแล้วก็พูดว่าพวกหนูจะเข้าไปข้างในใช่ไหม

ป้าแกถามพร้อมกับเอากุญแจมาไขที่ประตูแล้วป้าแกก็บอกว่าป้าอยู่ที่นี่ดูแลที่ให้เจ้าของที่เขามาสิเดี๋ยวป้าจะพาเดินแล้วพาเธอก็เดินตามป้าเข้าไปบรรยากาศมันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเอาไว้มีเพียงต้นไม้ที่ขึ้นเต็มไปหมด

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เล่นคาสิโนออนไลน์ให้ได้เงิน

อุริโกะฮิเมะ ผีญี่ปุ่น

นานมาแล้วได้มีตายายสองคนอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นสองตายายที่มีความรักให้กันและกันมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่นแล้วทั้งคู่เป็นคู่รักที่ดีมากๆตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาความรักของทั้งคู่ก็ไม่ได้จืดจางไปไหนเลยอะไรที่เป็นความรักคู่หนุ่มสาวในอุดมคติอยากจะให้มีทั้งสองคนนี้มีหมดเว้นแต่โซ่ทองคล้องใจ

ซึ่งทั้งสองอยู่ด้วยกันมาตลอดจนผมงอกแต่ก็ยังมีลูกไม่สำเร็จเลยและทั้งสองตายายก็ได้เดินทางไปอธิฐานขอกับพระเจ้าที่วัดแห่งหนึ่งที่อยู่บนภูเขาที่นั่นเองทั้งสองก็ได้รับคำทำนายว่าจะมีลูกแน่ๆแล้ววันเล่าทั้งสองก็ยังไม่มีทางที่จะมีลูกเลย

นอกจากนี้ได้ผ่านเข้าช่วงน่าร้อนปีหนึ่งเป็นวันที่อากาศร้อนมากๆทั้งคู่ก็เลยเกิดอาการหิวแตงโมคุณตาก็เลยช่วยคุณยายออกไปเก็บแตงโมที่พวกเขาปลูกเอาไว้ในสวนด้วยกัน

เมื่อทั้งสองได้เข้าไปในสวนก็ได้เห็นแตงโมลูกหนึ่งที่มีความประหลาดอย่างมากมันมีขนาดใหญ่ผิดปกติสองตายายคู่นี้ก็บอกว่าดีแล้วอากาศร้อนๆแบบนี้ว่าแล้วทั้งสองก็เก็บแตงโมเขาบ้านไปจากนั้นคุณยายได้ทำการผ่าแตงโมออกพวกเขาก็ได้พบเด็กหญิงที่มีน่าตาน่ารักแก้มแดงราวเหมือนกับสีของแดงโมต้องบอกก่อนว่าเรื่องราวที่ได้เกิดกับสิ่งที่มีชีวิตที่เกิดจากพืชผลมันเป็นเรื่องปกติของชาวญี่ปุ่นคือมันไม่มีเหตุผลอะไรที่เกิดขึ้นมาจากพืชผลไม้

ดังนั้นคุณตาก็เลยบอกว่ามันคงจะเป็นของขวัญจากเทพเจ้าที่ได้ประทานมาให้เราอย่างแน่นอนถ้าอย่างนั้นเรามาตั้งชื่อให้กับเดกคนนี้ดีกว่าและจะตั้งชื่อว่าอะไรดี

โดยเด็กคนนี้ได้เกิดขึ้นมาจากผลของแตงโมเอาอย่างนี้เรามาตั้งชื่อให้เขาว่า อุริโกะฮิเมะ กันดีกว่าความหมายก็คือวเจ้าหญิงแตงแล้วทั้งสองก็ได้เลี้ยงเด็กสาวคนนี้เป็นอย่างลูกรักเลยคือไม่ค่อยได้ปล่อยให้ออกไปไหนจากนั้นเพียงแค่สองปีเท่านั้น  อุริโกะฮิเมะ ก็ได้เติบโตขึ้นมาเท่ากับหญิงวัยเจริญพันธุ์พร้อมที่จะออกเรือนไปแต่งงานกับเจ้าชายในฝัน

ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกของญี่ปุ่นคือมนุษย์ที่เกิดมาจากผลไม้จะต้องเติบโตเร็วไปกว่าผิดปกติแทบจะทุกคนเลยและมันเป็นไปได้หรือไม่ว่ามันเป็นเพราะปุ๋ยที่คุณตาได้ใส่แตงโมมันได้ออกผลแรงหรือมันอาจจะเป็นไปได้ในนิทานญี่ปุ่นส่วนใหญ่แล้วคนที่ดูแลเด็กๆพวกนี้จะเป็นพวกตายายแก่ๆที่อาศัยอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้

 

สนับสนุนโดย  เซ็กซี่เกม บาคาร่า