เรียนรู้ศิลปะอย่างเข้าใจ

ศิลปะเป็นสิ่งที่หลายคนอาจจะมองว่ามีความซับซ้อน เนื่องจากคำว่าศิลปะนั้นเป็นคำที่มีความหมายอย่างกว้างๆ ไม่ได้เป็นการเฉพาะเจาะจงสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือเป็นสิ่งที่กำหนดประเภทสิ่งเหล่านั้น ว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้คือศิลปะ

แต่อาจจะไม่ได้มีการเข้าถึงว่าศิลปะสิ่งนั้นสิ่งนี้คือศิลปะประเภทใด ทำให้จะต้องมีการเจาะลึกหรือเจาะจงลงไปอีกว่า ศิลปะนั้นมีกี่ประเภทและในแต่ละประเภทนั้นมีอะไรบ้างและศิลปะแต่ละประเภทนั้นมีลักษณะอย่างไร

และสิ่งไหนที่เป็นศิลปะชนิดนั้นๆ ซึ่งก็ถือว่ามีความซับซ้อนในระดับที่ทุกคนนั้นพอจะเรียนรู้ได้ ไม่ได้มีความซับซ้อนมากมายขนาดนั้นถ้าหากทุกคนนั้นลองเปิดใจและเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน ศิลปะถ้าหากจะพูดอย่างง่ายๆ เลยก็คือการสร้างสรรค์ด้วยจินตนาการและอารมณ์ของมนุษย์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดชิ้นงานหรือผลงานขึ้นมา

ซึ่งผลงานและชิ้นงานเหล่านั้นจะมีความแตกต่างกันออกไปและมีเอกลักษณ์ที่เด่นชัดไปตามแต่ละบุคคล ดังนั้นศิลปะจึงเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจะลอกเลียนแบบได้ยากและถึงแม้จะลอกเลียนแบบได้ก็ไม่ได้เหมือน100%อย่างแน่นอน

ศิลปะมีการแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ที่เข้าใจง่ายได้ก็คือ ศิลปะการขีดเขียน การวาด  การปั้นหรือที่เรียกอย่างเป็นสากลว่างานประติมากรรม งานจิตรกรรม เป็นต้น ซึ่งศิลปะประเภทนี้นั้นก็มีการแบ่งย่อยออกเป็นประเภทต่างๆมากมายอกด้วย แต่ถ้าหากจะพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือศิลปะในเชิงการสร้างสรรค์และสร้างชิ้นงาน

ซึ่งศิลปะเหล่านี้นั้นจะมีการแสดงออกมาเป็นรูปร่างไม่ว่าศิลปินหรือผู้สร้างสรรค์นั้นจะมีการจิตนาการอหรืออารมณ์อย่างไรก็จะถูกถ่ายทอดออกมาเป็นรูปลักษณ์หรือลายลักษณ์อักษรนั่นเอง

ศิลปะด้านดนตรี ก้เช่นเดียวกัน มีการแบ่งแยกออกเป็นประเภทต่างๆมากมาย โดยส่วนใหญ่ศิลปะในด้านดนตรีนั้นก็หมายถึงศิลปะการขับร้องต่างๆ ด้วยเพราะสิ่งเหล่านี้นั้นจำเป็นจะต้องอาศัยและฝึกร้องด้วยตัวโน๊ตดนตรีนั่นเอง ทำให้การสร้างสรรค์ในลักษณ์นี้นั้นจึงได้ถูกเรียนว่าศิลปะทางด้านของดนตรีทั้งสิ้น

โดนศิลปะด้านดนตรีนั้นจะถูกสร้างสรรค์ออกมาเป็นเสียง เสียงที่มีความไพเราะ เสียงที่สามารถสร้างความเพลิดเพลินให้ผู้ฟังหรือผู้ที่ได้ยินได้ ซึ่งการสร้างสรรค์ทางด้านดนตรีนั้นก็มักจะเป็นการใช้อารมณ์ความรู้สึกหรือความนึกคิดบางครั้งก็เป็นการถอดทอดเรื่องราวที่เคยพบหรือเรื่องราวของคนรอบๆข้างผ่านไปในเสียงเพลงหรือเสียงดนตรีนั่นเอง

ศิลปะด้านการใช้ชีวิต เป็นศิลปะอีกหนึ่งประเภทที่หลายๆคนนั้นอาจจะยังไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้นั้นก็ถูกเรียกว่าเป็นศิลปะเช่นกัน ศิลปะประเภทนี้นั้นรสมถึงศิลปะด้านการพูดด้วย

เป็นสิ่งที่เรานั้นมักใช้ในชีวิตประจำวันซึ่งศิลปะประเภทนี้นั้นไม่สามารถจิตนาการหรือสร้างสรรค์ให้เป็นไปอย่างที่คิดได้ทั้งหมด เป็นศิลปะที่ต้องอาศัยประสบการณ์และจึงจะสามารถสร้างสรรค์ได้

 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  เว็บตรงบาคาร่า

สุสานเฮี้ยนที่ จ.กาญจนบุรี

สุสานเฮี้ยนที่ จ.กาญจนบุรีสำหรับสถานที่สุสานโสเภณีแห่งนี้หลายที่ที่ได้เข้ามาลองดีในสถานที่แห่งนี้กันนั้นส่วนใหญ่แล้วกลับไปได้ของตามที่ตัวเองต้องการจริงๆบางคนก็เห็นว่ามีวิญญาณตามไปบางคนก็เจอในระหว่างที่ได้เข้าไปสำรวจนั้นเลยเหมือนอย่างเรื่องราวของผู้หญิงท่านหนึ่งที่เราจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้

ซึ่งเธอและเพื่อนๆได้เข้ามาสำรวจในสถานที่แห่งนี้และเจอดีเหมือนกันเรื่องราวนี้เป็นเรื่องราวของคุณวุ้นเส้นโดยเธอเล่าให้ฟังว่าเดิมทีเธอเป็นคนกรุงเทพได้แต่งงานแล้วก็ย้ายมาอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรีทุกปีเพื่อนๆของเธอจากกรุงเทพจะพากันเดินทางมาพักผ่อนกันที่จังหวัดกาญจนบุรีและทุกครั้งเธอก็มักจะพาเพื่อนๆไปที่สะพานข้ามแม่น้ำแควไปเที่ยวน้ำตกบ้างไปเขื่อนบ้างไปกินข้าวร้านดังๆ

โดยตัวเธอเองก็เป็นคนที่ชอบเทคแคร์เพื่อนแล้วไม่อยากให้เพื่อนเบื่อกันก็พายามพาสถานที่แปลกๆพาเพื่อนๆไปพาไปเดินตลาดน้ำใหม่ๆบ้างพาไปเที่ยวที่ใหม่ๆแต่ก็รู้สึกว่าไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่จนมาเจอที่ที่หนึ่งที่เธออยากจะไปมานานมากแล้วแต่แฟนของเธอนั้นห้ามเอาไว้ตลอดว่าอย่าไปโดนเด็ดขาดที่นั้นก็คือท่าล้อซอย9หรือว่าอีกชื่อหนึ่งก็คือสุสานโสเภณีร้างนั่นเอง

นอกจากนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเธอโดยเธอและเพื่อนๆได้เปิดกูเกิลสตรีทวิวเข้าไปดูได้แต่เพียงเห็นกำแพงด้านนอกและมันยิ่งทำให้เธอนั้นอยากรู้ไปมากกว่าเดิมว่าข้างในนั้นมันจะเป็นอย่างไรเธอได้ชวนเพื่อนๆเราลองไปที่สุสานโสเภณีร้างกันไหม

ซึ่งมันก็แปลกทุกคนดูไม่ปฏิเสธเลยทุกคนดูตื่นเต้นและเธอก็ได้พูดว่าที่สำคัญแห่งหนึ่งไม่ไปถึงว่ามาไม่ถึงที่นี่เลยนะจนกระทั่งเวลาหกโมงเย็นก็ออกเดินทางขับรถอกไปเรื่อยๆตัวของเธอก็ตื่นเต้นมากๆว่าจะได้เห็นสักทีสิ่งที่แฟนของเธอได้ห้ามอยู่ตลอดเธอก็พยายามบอกทุกคนว่าเราไม่ได้จะมาลบหลู่เพียงแต่ว่าเธอนั้นอยากจะเห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นเท่านั้นเอง

เมื่อเธอและเพื่อนไปเดินมาถึงหน้าประตูสุสานโสเภณีสิ่งแรกที่เธอสัมพันได้ก็ความว่างเปล่าทุกคนกำลังเดินเข้าไปข้างในก็มีป้าแก่ๆวัยประมาณ60กว่าๆได้เดินเข้ามาหาพวกเธอแล้วก็พูดว่าพวกหนูจะเข้าไปข้างในใช่ไหม

ป้าแกถามพร้อมกับเอากุญแจมาไขที่ประตูแล้วป้าแกก็บอกว่าป้าอยู่ที่นี่ดูแลที่ให้เจ้าของที่เขามาสิเดี๋ยวป้าจะพาเดินแล้วพาเธอก็เดินตามป้าเข้าไปบรรยากาศมันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเอาไว้มีเพียงต้นไม้ที่ขึ้นเต็มไปหมด

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เล่นคาสิโนออนไลน์ให้ได้เงิน

อุริโกะฮิเมะ ผีญี่ปุ่น

นานมาแล้วได้มีตายายสองคนอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นสองตายายที่มีความรักให้กันและกันมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่นแล้วทั้งคู่เป็นคู่รักที่ดีมากๆตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาความรักของทั้งคู่ก็ไม่ได้จืดจางไปไหนเลยอะไรที่เป็นความรักคู่หนุ่มสาวในอุดมคติอยากจะให้มีทั้งสองคนนี้มีหมดเว้นแต่โซ่ทองคล้องใจ

ซึ่งทั้งสองอยู่ด้วยกันมาตลอดจนผมงอกแต่ก็ยังมีลูกไม่สำเร็จเลยและทั้งสองตายายก็ได้เดินทางไปอธิฐานขอกับพระเจ้าที่วัดแห่งหนึ่งที่อยู่บนภูเขาที่นั่นเองทั้งสองก็ได้รับคำทำนายว่าจะมีลูกแน่ๆแล้ววันเล่าทั้งสองก็ยังไม่มีทางที่จะมีลูกเลย

นอกจากนี้ได้ผ่านเข้าช่วงน่าร้อนปีหนึ่งเป็นวันที่อากาศร้อนมากๆทั้งคู่ก็เลยเกิดอาการหิวแตงโมคุณตาก็เลยช่วยคุณยายออกไปเก็บแตงโมที่พวกเขาปลูกเอาไว้ในสวนด้วยกัน

เมื่อทั้งสองได้เข้าไปในสวนก็ได้เห็นแตงโมลูกหนึ่งที่มีความประหลาดอย่างมากมันมีขนาดใหญ่ผิดปกติสองตายายคู่นี้ก็บอกว่าดีแล้วอากาศร้อนๆแบบนี้ว่าแล้วทั้งสองก็เก็บแตงโมเขาบ้านไปจากนั้นคุณยายได้ทำการผ่าแตงโมออกพวกเขาก็ได้พบเด็กหญิงที่มีน่าตาน่ารักแก้มแดงราวเหมือนกับสีของแดงโมต้องบอกก่อนว่าเรื่องราวที่ได้เกิดกับสิ่งที่มีชีวิตที่เกิดจากพืชผลมันเป็นเรื่องปกติของชาวญี่ปุ่นคือมันไม่มีเหตุผลอะไรที่เกิดขึ้นมาจากพืชผลไม้

ดังนั้นคุณตาก็เลยบอกว่ามันคงจะเป็นของขวัญจากเทพเจ้าที่ได้ประทานมาให้เราอย่างแน่นอนถ้าอย่างนั้นเรามาตั้งชื่อให้กับเดกคนนี้ดีกว่าและจะตั้งชื่อว่าอะไรดี

โดยเด็กคนนี้ได้เกิดขึ้นมาจากผลของแตงโมเอาอย่างนี้เรามาตั้งชื่อให้เขาว่า อุริโกะฮิเมะ กันดีกว่าความหมายก็คือวเจ้าหญิงแตงแล้วทั้งสองก็ได้เลี้ยงเด็กสาวคนนี้เป็นอย่างลูกรักเลยคือไม่ค่อยได้ปล่อยให้ออกไปไหนจากนั้นเพียงแค่สองปีเท่านั้น  อุริโกะฮิเมะ ก็ได้เติบโตขึ้นมาเท่ากับหญิงวัยเจริญพันธุ์พร้อมที่จะออกเรือนไปแต่งงานกับเจ้าชายในฝัน

ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกของญี่ปุ่นคือมนุษย์ที่เกิดมาจากผลไม้จะต้องเติบโตเร็วไปกว่าผิดปกติแทบจะทุกคนเลยและมันเป็นไปได้หรือไม่ว่ามันเป็นเพราะปุ๋ยที่คุณตาได้ใส่แตงโมมันได้ออกผลแรงหรือมันอาจจะเป็นไปได้ในนิทานญี่ปุ่นส่วนใหญ่แล้วคนที่ดูแลเด็กๆพวกนี้จะเป็นพวกตายายแก่ๆที่อาศัยอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้

 

สนับสนุนโดย  เซ็กซี่เกม บาคาร่า

การแก้บน

สำหรับตุ๊กตาแก้บนนั้นเป็นตุ๊กตาที่มีการปั้นขึ้นมาจากภูมิปัญญาของชาวบ้านซึ่งตุ๊กตาแก้บนนั้นมีการทำมานานตั้งแต่สมัยโบราณแล้วและปัจจุบันนี้ก็ยังคงนิยมนำตุ๊กตาไปแก้บนกันอยู่โดยส่วนใหญ่แล้วตุ๊กตาแก้บนนั้นมักจะนำไปใช้หลังจากที่เรานั้น

ได้มีการไปบนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนซักแห่งที่มีความศักดิ์สิทธิ์หลังจากนั้นก็ได้มีการบ่นว่าจะให้ตุ๊กตาจำนวนกี่คู่และเมื่อได้ตามที่ต้องการแล้วก็จะต้องนำตุ๊กตานั้นไปถวายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราขอเอาไว้ตามจำนวนที่เราได้มีการแจ้งกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เอาไว้นั่นเอง

สำหรับตุ๊กตาแก้บนนั้นส่วนใหญ่แล้วเรามักจะบ่นไว้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นพระพุทธรูปหรือแม้แต่พระภูมิเจ้าที่ศาลพระภูมิเจ้าที่ศาลตาศาลยายต่างๆยกตัวอย่างเช่นที่เรามีการนำไปแก้บนก็มักจะเห็นจากการที่ผู้คนไปบนหลวงพ่อโสธรหรือศาลพระภูมิเจ้าที่ในหมู่บ้านของตนเองหรือศาลเพียงตาในบ้านของตนเองอย่างไรก็ตามตุ๊กตาแก้บนนั้นเป็นได้ทั้งตุ๊กตาที่ถูกปั้น

เป็นรูปร่างของคนทั้งผู้หญิงผู้ชายหรือแม้ปัจจุบันนี้ก็ปั้นเป็นรูปสัตว์ต่างๆซึ่งส่วนใหญ่เรามักจะเห็นเป็นช้างหรือไม่ก็เป็นไก่และม้าลายซึ่งเรามักจะพบเห็นกันอยู่เป็นประจำและถ้าหากใครบนตุ๊กตาแก้บนเป็นคนตัวตุ๊กตาแก้บนที่เป็นคนนั้นมักจะแต่งกายด้วย

ชุดนางรำไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาผู้หญิงหรือตุ๊กตาผู้ชายแต่ปัจจุบันตุ๊กตานางรำที่เป็นผู้หญิงกับผู้ชายนั้นมักจะไม่ค่อยเห็นในการนำมาแก้บนกันมากนักส่วนใหญ่จะเห็นเป็นรูปสัตว์มากกว่าและที่เห็นมากที่สุดก็น่าจะเป็นม้าลายกับไก่

ซึ่งปกติแล้วถ้าหากมีใครไปบนบานศาลกล่าวที่จะนำตุ๊กตาแก้บนมาถวายก็มักจะถวายเป็นคู่เช่นช้าง 2 คู่หรือไก่ 2 คู่หรือม้าลาย 2 คู่แต่จะไม่มีใครแก้บนด้วยตัวเลขเดี่ยวๆเช่นไม่มีแก้บนด้วยช้าง 1 ตัวหรือว่าไก่ 1 ตัวนั่นเอง

ถึงแม้ว่าตุ๊กตาแก้บนนั้นจะมีมาอย่างยาวนานแต่ในปัจจุบันความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังคงมีอยู่ดังนั้นผู้คนจึงยังมีการเข้าไปกราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ได้สิ่งนั้นเองนั้นหวังและเมื่อสมหวังแล้วผู้คนก็มักจะนำตุ๊กตาที่ตนเองบนบานศาลกล่าวเอาไว้มาทำการแก้บน

โดยในปัจจุบันเราสามารถพบเห็นตุ๊กตาแก้บนตามสถานที่ต่างๆได้มากมายและเรายังคงสามารถไปบนบานศาลกล่าวเพื่อถวายตุ๊กตาแก้บนได้อีกหลายที่เลยทีเดียว สำหรับตุ๊กตาแก้บน นั้น เราสามารถหาซื้อได้ตามร้านของตุ๊กตาเครื่องปั้นดินเผาทั่วไป

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  แทงหวยออนไลน์

ศาลล่องหน หน้าหอแกน ม.กรุงเทพ

สำหรับเรื่องของศาลล่องหนนี้ได้เล่ากันว่าแต่ก่อนศาลจริงเขาได้ย้ายไปอยู่ที่หลังตึกเป็นเพียงแต่ศาลปูนและยังได้มีนักศึกษาและศิษย์เก่าอีกหลายท่านก็พบเห็นว่าศาลหลังนี้มันมีอยู่จริๆปรากฏว่าได้มีนักศึกษาท่านหนึ่งๆได้โพสว่ามีใครเห็นศาลพระภูมิที่ตั้งอยู่ตรงข้างมหาวิทยาลัยบ้างนักศึกษาหลายคนเคยเห็นตั้งบางคนยกมือไหว้แต่ความจริงนั้นมันไม่มี

ซึ่งก็ได้มีคนออกมาบอกว่าเคยเห็นศาลหลังนี้อยู่แถวหน้าหอแกนมีพวงมาลัยสีเหลืองเต็มเลยและเขานั้นถึงกับงงเลยว่ามันมีจริงๆเหรอที่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น

นอกจากนั้นเขาก็ยังบอกอีกด้วยว่าจำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยยกมือไหว้ศาลศาลสูงเท่าตัวสีขาวหลังออกจากห้องเพื่อนมาอีกทีก็ร้องกรี๊ดมันคืออะไรในช่วงที่กำลังรับน้องปี1ได้งดงามมากพอผ่านไป5ปีแล้วยังรู้สึกหลอนอยู่เลยนี่มันก็เป็นเหตุผลที่ว่าหากใครเคยรับรู้เรื่องราวของศาลหลังนี้ก็จะไม่สามารถพบเห็นศาลหลังดังกล่าวได้อีกเลย

ถ้าหากใครไม่เคยได้ยินเรื่องราวของศาลหลังนี้มาก่อนขอรับรองเลยว่าเจอเกือบทุกคนเลยโดยเฉพาะพวกน้องๆปี1และก็ยังมีอยู่อีกหลายๆคนเลยที่บอกว่าเคยเห็นว่าเขานั้นไม่เคยเห็นแต่มีเพื่อนอยู่คนหนึ่งเคยเล่าให้ฟังว่ามีแต่ทำไมตัวเขาเองกลับมองไม่เห็น

ซึ่งบางคนก็พักอาศัยอยู่ที่หอแกนแต่ไม่เคยเห็นบางคนก็บอกว่ามีจริงก็พบเหนอยู่อันนี้มันก็เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจว่าสิ่งที่ได้พบเจอกันมันมีอยู่จริงๆหรือไม่ศาลหลังนี้ทั้งนี้ยังมีคนบอกอีกว่าศาลสีขาวที่อยู่ด้านหน้าหอแกนกลับมาจากซอยรังสิตภิรมย์หลังเที่ยวคืนก็ยกมือไหว้ตลอดนี่ก็เป็นที่น่าสงสัยว่าเขานั้นยกมือไหว้อะไรและยังได้มีอีกหลายคนที่เคยเห็นศาลและอีกหลายคนที่ไม่พบเห็น

โดยมันก็ยังคงเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันว่าทำไมบางคนเห็นทำไมบางคนมองไม่เห็นวันนี้เพื่อคลายข้อสงสัยกันเราจะพูดให้ฟังว่าศาลพระภูมิที่เขาได้พบเห็นกันมันเป็นอย่างไรและมันได้ตั้งอยู่ตรงส่วนไหนของ ม.กรุงเทพ หากใครขับรถขาเข้ากรุงเทพตรงข้าม ม.กรุงเทพก็จะเห็นหอแกนอยู่ด้านซ้ายมือและจะมีป้ายรถเมล์และรถตู้

เนื่องจากนี้ก็มีคนเห็นศาลหลังดังกล่าวได้ตั้งอยู่ตีนสะพานลอยแต่ปรากฏว่าเข้าไปดูช่วงตีนสะพานลอยมันเป็นเพียงแค่ร้านขายของธรรมดาและก็มีเสาไฟตั้งอยู่ถัดไปก็ไม่มีศาลใครผ่านไปผ่านมาลองสังเกตดูกันดีๆ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  alpha88

ตำนานล้านช้างของกษัตริย์พระยาล้านคำแดง

นอกจากนี้พระเจ้าสามแสนไทไตรภูวนาทได้ขึ้นมาเป็นกษัตริย์โดยพระองค์ก็ได้ทำการเปลี่ยนแปลงอาณาจักรล้านช้างให้มีความรุ่งเรืองเลยจนกระทั่งชาวเมืองได้คิดว่าจะไม่มีเหตุการณ์ฆ่าสยองอะไรเกิดขึ้นอีกแล้วแต่ก็ไม่นานราวๆ40ปีต่อจากนั้นดูเหมือนกับว่าเรื่องราวฆาตกรรมเลือดสาดมันจะกลับมาอีก

โดยครั้งนี้ไม่ได้มาในสภาพของกษัตริย์นักรบแต่จะมาเป็นสภาพของผู้หญิงสุดโหดซึ่งเธอนั้นก็คือ ลูกสาวของพระเจ้าฟ้างุ้ม ที่ได้ถูกขับไล่ออกไป เจ้าหญิงแก้วพิมพา เรื่องรวทั้งหมดนี้มันได้เปิดฉากขึ้นหรือจากการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าสามแสมไทไตรภูวนาท

เมื่อพระองค์ท่านได้จากไปแล้วตามกฎมณเฑียรบาลแล้วอำนาจการปกครองทุกอย่างของเมืองก็จะต้องตกเป็นของลูกชายนั่นก็คือ พระยาล้านคำแดง ตลอดจนการปกครองของ พระเจ้ายาล้านคำแดงก็นับได้ว่าเ็นการปกครองได้ดีเหมืองกับคุณพ่อเลยก็บำรุงบ้านเมืองบ้านเมืองก็สงบสุขไปเป็นเวลากว่า10ปี

เนื่องจากนี้อยู่พระเจ้ายาล้านคำแดงก็ได้เสียงชีวิตไปอย่างปริศนาบางที่ก็บอกว่าเป็นเพราะ เจ้าหญิงแก้วพิมพา ที่ได้ฆ่ากษัตริย์คนนี้แต่ก็ไม่มีอะไรมายืนยันแน่นอนเอาเป็นว่าหลังจากนั้นก็ได้เกิดปัญหาขึ้นมาว่าใครจะขึ้นมาเป็นกษัตริย์องค์ต่อไปเพราะว่าลูกของพระยาล้านคำแดงก็ยังโตไม่เต็มที่จะให้มาบริหารบ้านบริหารเมืองมันจะยังไงอยู่

ดังนั้นคนที่จะมีวุฒิภาวะสูงสุดในเวลานั้นก็คือเจ้าหญิงแก้วพิมพานี่แหละที่ดูว่าจะโตมากที่สุดแต่ทว่าพระองค์นั้นเป็นผู้หญิง

ซึ่งตามกฎมณเฑียรบาลสตรีจะไม่สามารถที่จะเป็นกษัตริย์ได้เขาก็เลยแก้ปัญหาด้วยการนำเอาทั้งสองอย่างนี้มารวมกันเสียเลยก็คือให้ลูกของพระยาล้านคำแดงขึ้นมาเป็นกษัตริย์

โดยจะมีเจ้าหญิงแก้วพิมพาเป็นผู้สำเร็จราชการแทนคือจะต้องรอจนกว่ากษัตริย์จะบรรลุนิติภาวะแล้วก็มีความคิดความอ่านที่จะปกครองเมืองเองได้หลังจากนั้นก็ค่อยสถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์อย่างเต็มตัวแต่ทว่าอำนาจมันก็ยังเป็นสิ่งที่หอมหวานเหมือนกับยาเสพติดชนิดหนึ่งเลยเมื่อมีใครมาลองแล้วก็ยากที่จะออก

นอกจากนี้เมื่อเจ้าหญิงแก้วพิมพาได้ขึ้นมาเป็นผู้ที่สำเร็จราชการแทนองค์กษัตริย์หรือจะเรียกง่ายๆว่าบงการอยู่ด้านหลังความเย้ายวนของอำนาจก็ได้มาครอบงำเธอจากตอนแรกที่บอกว่าจะอยู่ไม่นานไปๆมาๆเข้าไป4-5เดือนนั่นเองมันก็เลยทำให้เธอได้มีแนวคิดที่จะก่อเหตุในการฆาตกรรมสยองขึ้นที่จะทำให้อาณาจักรล้านช้างนั้นมีความวุ่นวายในช่วงระยะเวลาต่อมา

 

 

สนับสนุนโดย  เล่นบาคาร่าออนไลน์ฟรีได้เงินจริง

โรงบาลเฮี้ยนที่ จ.ระยอง

ซึ่งได้มีกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งได้บอกว่าเขาแล้วก็เพื่อนๆได้เข้ามาพิสูจน์ผีกันอยู่หลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่เจออะไรสักทีและในครั้งนี้เพื่อที่เจอดีในครั้งนี้ก็ได้ชวนกันมาอีกครั้งหนึ่ง

โดยเขาได้บอกว่าในครั้งนี้เขามีวิชาปราบผีพอเดินทางมาถึงคนที่หมดสติเพื่อนของเขาก็ได้นำเอาเทียนจำนวน9เล่มธูปอีกหนึ่งกำและเหรียญบาทอีกจำนวนหนึ่งพร้อมกับได้สายสินอีกหนึ่งคดก่อนที่พวกตนจะเข้าไปในห้องเก็บศพที่อยู่ด้านหลัง

ซึ่งเพื่อนของเขาคนนี้ที่มีวิชาอาคมปราบผีอะไรนี้เขาก็เริ่มทำพิธีโดยการเอาสายสินปล่อยให้เป็นทางยาวจากประตูเข้าไปและในระหว่างทางที่กำลังเดินเข้าไปเขาก็พูดตลอดทางเลยว่าให้ผีเดินตามสายสินมาเรื่อยๆหลังจากนั้นพวกเขาก็หยุดแล้วนั่งลงในห้องร้างศพและได้ทำการจุดเทียนจุดธูปแล้วพนมมือไหว้เพื่อนๆได้เล่าให้ฟังว่า

นอกจากนี้เพื่อนคนที่เขาบอกว่ามีวิชาอาคมก็เริ่มท่องบทสวดมนต์สวดไปยังไม่ถึง10คำเลยอยู่เพื่อนของเขาคนนี้ก็ร้องออกมาอย่างแรงแล้วก็สลบไปหลังจากนั้นเพื่อนๆของเขาได้เห็นว่าท่าจะดูไม่ดีแล้วจึงได้ช่วยแบกร่างผู้ที่หมดสติออกมาจากที่ตรงนั้นแล้วก็มาพบกับทีมงานหนึ่งในการล่าผี

เนื่องจากนี้รายการช่องผีชื่อดังนี้ก็ได้เข้าไปในกลุ่มที่มีวัยรุ่นกลุ่มเข้าไปทำพิธีสายสินอะไรกันจากประตูไปจนถึงห้องดับจิตเลยก็พบว่าในห้องดับจิตที่กลุ่มวัยรุ่นได้เข้าไปทำพิธีกันมีธูปที่จุดไฟแล้วตกอยู่เต็มพื้นเลยและมีรายหักเทียนอยู่เต็มห้องเลยเชื่อว่านี่มันอาจจะเป็นจุดที่วัยรุ่นดังกล่าวเจอดีเข้าให้แล้ว

นอกจากนี้กลุ่มวัยรุ่นที่ได้เข้ามาลองของก็พบเจอเรื่องประหลาดอีกคนหนึ่งโดนผีหลอกจนเสียสติกันไปเลยเขาได้บอกว่าเขานั้นได้ใช้ไฟฉายส่องไปตามที่จุดต่างๆของในโรงพยาบาล

โดยในเวลานั้นไม่น่าจะมีคนอยู่แต่ปรากฏว่าเขาได้เห็นคนอยู่เต็มไปหมดเลยจึงคิดว่าอาจจะเป็นคนที่เข้ามาลองดีที่เข้ามาล่าผีกัน

ว่ากันว่าในสมัยก่อนมันเฮี้ยนถึงขนาดที่ว่าเป็นที่นิยมกันของพวกวัยรุ่นกันเลยจนได้มีการเก็บค่าเข้าเก็บค่าเข้าในการเข้ามาล่าพิสูจน์ท่าผีกันน่าจะประมาณหัวละ10บาท

เมื่อเพื่อนของเขาคนที่สองคนแรกหมดสติไปแล้วเห็นว่ามีคนมาเยอะมากเลยตรงนั้นจึงได้ตะโกนออกไปว่าแน่จริงก็ออกมาสิก่อนที่จะเอาไฟฉายเขาไปในโรงพยาบาลพร้อมกันสามคน

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    หวยออนไลน์บาทละ 950

ตำนานวันสิ้นโลกในอดีต

เรื่องราววันสิ้นโลกมันก็จะเหมือนกับละครไทยหลายๆเรื่องที่ไม่ว่าจะเอามาทำใหม่จะเปลี่ยนคนแสดงก็ตามมันก็จะขายดีตลอดเวลาที่ผ่านมาเรื่องราววันสิ้นโลกมันก็ได้รับความสนใจจากคนต่างๆอย่างมากที่จะหาทำนายว่ามันอยู่วันไหน

ซึ่งมันผ่านไปแล้วคนที่ทำนายเอาไว้ก็เงียบไปเราก็จะมาดูกันดีกว่าว่าตลอดเวลาที่ผ่านมามีใครเคยทำนายอะไรเอาไว้บ้างแล้วมันจะเป็นยังแล้วทำไมคนเขาถึงได้เชื่อกัน

โดยเราจะเริ่มเล่าจากยุคโบราณจนถึงยุคปัจจุบัน เริ่มต้นในปี1806เลย

เรื่องสิ้นโลกส่วนใหญ่ที่เราจะเคยได้ยินกันมามันก็มักจะมีความเป็นมาเกี่ยวโยงกับศาสนาคริสต์ด้วยความที่ว่าสื่อต่างๆของฝรั่งมีเยอะทำให้เรื่องนี้เหมือนจะเป็นกระแสหลักไปที่เขาจะมีความเชื่อว่าพระเจ้าจะเสด็จกลับมาหาก็ไม่รู้ว่าเป็นวันไหนแบบนี้

ดังนั้นก็มีชาวคริสต์บางส่วนก็คิดอยู่กับเรื่องนี้ถึงกับว่าพอมีอะไรนิดๆหน่อยๆมาก็ตีความว่าวันสิ้นโลกมันจะมาถึงแล้วประมาณอารมณ์แบบว่าบ้านเรากำลังตื่นหวยอะไรอย่างนั้น

อย่างเช่นในเหตุการณ์นี้สัญญาณจากวันสิ้นโลกจากแม่ไก่ในปี1806ที่ประเทศอังกฤษมันก็ได้มีแม่ไก่ตัวหนึ่งที่มันได้ออกไข่มาแต่ว่ามันไม่ใช่ไข่ที่ธรรมดาและที่น่าทึ่งก็คือไข่ของแม่ไก่มันเรียงเป็นข้อความที่ว่าพระคริสต์กำลังจะเสด็จกลับมาแล้ว

นอกจากนี้พอชาวบ้านได้ยินข่าวก็ได้กระจายข่าวออกไปทั่วหมู่บ้านเลยชาวบ้านก็เลยแตกตื่นกันหมดเลยว่าโลกจะต้องแตกแน่ๆก็แพพากันไปสารภาพบาปทำอะไรกันไปต่างๆนาๆเลยแต่ทว่าเหตุการณ์ต่อมามันก็เงียบไป

เนื่องจากมันได้มีคนเข้าไปพบว่าไข่แม่ไก่ที่มันได้วางเรียงกันมันเป็นการกระทำของคนมือไม่ดีบางคน

เรื่องต่อมาก็จะเป็นในปี1843ที่มีชายคนหนึ่งจากนิวอิงแลนด์คนนี้เขาก็เป็นชาวนาธรรมดาคนหนึ่งที่เคร่งศาสนาหลังจากนั้นเขาก็เลยได้ใช้เวลาศึกษาพระคัมภีร์ไบเบิ้ลอย่างจริงจังต่อจากนั้นเขาก็เลยอัพเลเวลเลยกลายมาเป็นผู้สอนศาสนา

ซึ่งเขาก็ได้ทำมันมาอย่างดีสั่งสอนคนให้เป็นคนดีก็เป็นเรื่องที่น่าชื่อชมแต่ทว่าในเรื่องของความเคร่งครัดนั้นมันก็ได้แฝงไปด้วยความหมกมุ่นนิดหน่อยก็คือเขาก็พยายามที่จะตีความจากพระคัมภีร์ที่เขาได้อ่านมาให้ออกมาเป็นตัวเลขแล้วก็ได้มโนไปว่าพระเจ้าจะมาวันไหนกันพอหมกมุ่นไปเยอะเขาก็คิดว่าเขาได้ไขข้อความได้กระจาง

โดยชายคนนี้เขาก็ได้ออกมาประกาศกับชาวบ้านว่าพระเจ้าไปทรงเลือกวันที่ทำลายโลกเอาไว้แล้วมันจะอยู๋ในระหว่างปี1843ถึง1844

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  สูตรหวยยี่กี 2ตัวล่าง lottovip

เรื่องเล่าตำนานนกฟีนิกซ์

ทำไมนกฟีนิกซ์ถึงได้มีอยู่ในตำนานต่างๆทั่วโลกไม่เว้นแม้กระทั่งสื่อต่างๆที่มีอยู่ทุกวันนี้ไม่ว่าจะเกมการ์ตูนบางหนังฟีนิกซ์หรือที่เรารู้จักกันในนามของนกไฟอมตะเป็นนกในจิตนาการที่ทุกคนชื่นชอบเป็นอย่างมากไม่ใช่คนเฉพาะในยุคปัจจุบัน

ซึ่งได้มีหลากหลายวัฒนธรรมโบราณเขาก็ได้นำเอามันไปเป็นสัตว์ประจำชาติของเขาด้วยและเจ้านกตัวนี้มันก็ได้แฝงความหมายที่น่าพิศวงเอาไว้อย่างมากมายเลยว่าทำไมมันจะต้องมีไฟแล้วความเป็นอมตะของมันได้มาจากไหนด้วยความแปลกขนาดนี้นี่เองเราก็เลยจะต้องนำเอาออกมาเล่ากันสักหน่อยกับตำนานของนกฟีนิกซ์

นอกจากนี้เรื่องราวของนกฟีนิกซ์ที่เราจะรู้จักกันมันก็จะมาจากตำนานของกรีกที่ได้เล่ากันว่ามันเป็นนกตัวผู้ที่มีขนาดใหญ่และมทีนิสัยที่อ่อนโยนเป็นมิตรกับมนุษย์

ถ้าหากว่าเจ้านกฟีนิกซ์ตัวนี้มันได้รักใครมากๆมันจะสามารถรักษาแผลและซุบชีวิตคนนั้นได้อีกด้วยโดยการรักษาของมันนั่นก็คือหลังน้ำตา

ซึ่งจะมีฤทธิ์ที่เป็นยาชั้นดีได้หยดลงไปบนบาดแผลของคนนั้นก็จะหายเป็นปกติแต่ขอย้ำว่าต้องคนๆนั้นจริงๆแล้วจะต้องเป็นคนดีๆจริงๆ

นอกจากนั้นอีกหนึ่งความสามารถของมันก็คือเสียงร้องของมันในช่วงเวลาปกติเสียงร้องของนกฟีนิกซ์ก็จะร้องไพเราะมากจนกระทั่งเทพแห่งพระอาทิตย์ต้องหยุดเพื่อจะมาฟังเสียงร้องของมันเลยแต่เวลาที่มันโมโหมันก็สามารถเอาเสียงของมันไปทำการสู้รบได้คือจะเพิ่มความสามารถความกล้าหาญให้แก่พวกของมันเองหรือว่าจะทำให้คนเลวได้มีจิตใจที่ท้อถอยและหวาดกลัวกันได้เลยทีเดียว

ถ้าหากใครอยากจะพบเจ้านกฟีนิกซ์เขาว่ากันว่าให้ไปหาพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำแล้วก็มีอากาศที่เย็นสบายและสิ่งที่เจ้านกฟีนิกซ์นั้นชอบเลยก็คือแสงอ่อนๆยามรุ่งอรุณและอาหารโปรดของมันก็คือสายลมอ่อนๆน้ำค้างน้ำอมฤตไปจนถึงหมอกบริสุทธิ์ที่ได้ลอยขึ้นมาจากแม่น้ำหรือทะเลในตอนเช้าๆ

เนื่องจากชีวิตที่ดูดีขนาดนี้ก็ได้มีเรื่องเศร้าอยู่ก็คือนกฟีนิกซ์มันเป็นนกตัวเดียวบนโลกคือตลอดอายุขัย500ปีของมันเป็นโสดและแบบนี้จะมีลูกนกเกิดขึ้นมาใหม่ได้อย่างไรคุณเองก็สงสัยกันใช่ไหมในการกำหนดลูกนกของนกฟีนิกซ์มันคอนข้างที่จะแปลกประหลาดเลยทีเดียว

ว่ากันว่ามันจะเกิดขึ้นมาจากขี้เถ้าของฟีนิกซ์ในรุ่นก่อนที่มันจะตายไปแล้วคือเมื่อมันมีอายุครบ500ปีร่างกายของมันก็จะโทรมลงไม่ค่อยมีเรียวแรงไม่สามารถทำอะไรได้แม้แต่ร้องเพลงให้เทพพระเจ้าฟังก็ตามถึงนกฟีนิกซ์จะเป็นอมตะแต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะแข็งแรงเสมอไปร่างกายของนกฟีนิกซ์ก็เหี่ยวเฉาไปตามกาลเวลา

 

สนับสนุนโดย  betbb

โครงสร้างของงานศิลปะในยุคปัจจุบัน

ในยุคปัจจุบันการปรับปรุงโครงสร้างในการทำงานหรือแม้แต่เป็นจิตรกรในยุคปัจจุบันมีลักษณะในการทำงานที่หลากหลายคนข้างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานเพื่อแสวงหากำไรหรือรายได้ หรือแม้จะเป็นการทำงานเพื่อศิลปะ การเปลี่ยนแปลงของงานต่างๆในการสร้างประติมากรรมต่างๆ

ในยุคปัจจุบันมีการพัฒนาช่องทางเดียวผู้คนมีการศึกษาเกี่ยวกับช่องทางต่างๆไม่ว่าจะเป็นศึกษาเกี่ยวกับงานอดิเรกหรือแม้แต่ในยุคปัจจุบันที่มี Academy เกี่ยวกับการศึกษาทางด้านศิลปะโดยเฉพาะรวมทั้งยังมี Museum สถานที่ดูงานศิลปะการเก็บรวบรวมงานต่างประเทศต่างๆ

หรือแม้แต่จะเป็นในประเทศไทยเองก็มีศูนย์ศิลปะแห่งชาติ รวมทั้งยังมีในส่วนของที่เก็บรวบรวมของวัฒนธรรมต่างๆอย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างในการใช้ชีวิตของผู้คนหรือไม่ได้เป็นการสร้างรูปแบบในการติดต่อสื่อสารในปัจจุบันก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจในการสร้างรูปแบบงานหรือการพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีมากยิ่งขึ้น

เปลี่ยนแปลงรูปแบบในการติดต่อสื่อสารด้วยการสร้างผลงานต่างๆในยุคปัจจุบันมีความดันไม่ขึ้นในการพัฒนาชุมชนต่างๆเหล่านี้โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่คอมพิวเตอร์หรือ เน็ตที่มีความรวดเร็วและมีการพัฒนาที่เพิ่มมากขึ้นจึงทำให้ผู้คนต่างๆเหล่านี้มีการใช้ส่วนต่างๆไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หรือเทคนิคต่างๆในการส่งต่อรูปแบบงาน

บุคคลแต่ละยุคสมัยมีลักษณะและความเชื่อในการทำงานที่แตกต่างกันนี้จึงทำให้มองเห็นได้ว่าแต่ยุคสมัยลักษณะโครงงานมีการพัฒนาอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้เพื่อนำมาพัฒนางานหรือแม้จะเป็นการถ่ายทอดรูปแบบงาน ปัจจุบันที่มีการศึกษาเกี่ยวงานที่ค่อนข้างมากไม่ว่าจะเป็นโลกออนไลน์ Social Media หรือระบบ internet ต่างๆ

ที่มีการพัฒนาช่วงค่ำ จึงทำให้ผู้คนพิการสามารถเข้าถึงแนวคิดหรือแม้แต่จะเป็นเทคนิคการทำงานต่างๆที่เพิ่มมาปัจจุบันเราสามารถเข้าถึงงานต่างๆเหล่านี้ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น จึงทำให้มีการพัฒนารูปแบบงานไม่ว่าจะเป็นทางด้านเทคนิคหรือแม้จะเป็นแนวคิด

การเข้าถึงสิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นการถ่ายทอดระบายอารมณ์ศิลปะมีมากมายหลายแขนง โครงสร้างของงานศิลปะขึ้นอยู่กับความต้องการในการพัฒนาทางด้าน งานศิลปะแขนงงานสี งานเสียง รูปทรง หรือแสง สิ่งต่างๆเหล่านี้คือแนวคิดต่างๆหรือแม้แต่จะเป็นลักษณะในการทำงานที่แตกต่างกับ

อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยหรือกันสร้างรูปแบบในการทำงานในยุคปัจจุบันก็ต้องยอมรับว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือการพัฒนาเที่ยวคนเดียวผู้คนส่วนใหญ่ก็สนใจในการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง

ในการพัฒนาการทำงานการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการติดต่อสื่อสารงานประติมากรรมงานภาพต่างๆก็มีสถานที่ที่ให้ศึกษาหรือดูที่ เพิ่มมากยิ่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงรูปแบบในการทำงานหรือการติดต่อสื่อสารในปัจจุบันก็มีการเติบโตอยู่ตลอดเวลาให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ

 

สนับสนุนโดย  ทางเข้าdewabet