ประวัติศาสตร์แนวคิดของระบอบคอมมิวนิสต์

ซึ่งแนวคิดในแบบคอมมิวนิสต์จะบอกว่าเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมนั้นมันได้เป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมชนชั้นทางสังคมทำให้คนได้เปรียบและเสียเปรียบคนชั้นล่างหรือชนชั้นกรรมกรได้ถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างเป็นระบบทำให้เกิดมาเป็นแรงงานและแทบจะไม่มีทางเลื่อนชั้นทางสังคมขึ้นไปได้มีหน้าที่เกิดมาเป็นทาสนายทุนสร้างความร่ำรวยให้นายทุนแล้วก็ได้ตายลงไปในที่สุด

นอกจากนี้ในหลายๆคนก็อาจจะมองว่าคอมมิวนิสต์นั้นไม่ชอบความเจริญหรือเปล่าบอกเลยว่ามันไม่จริงไม่มีใครที่จะออกมาปฏิเสธความเจริญแต่คอมมิวนิสต์จะมองว่าความเจริญนั้นจะต้องได้รับการแบ่งปันออกไปอย่างเท่าเทียมมากกว่าและจะทำอย่างไรให้มันได้มีความเท่าเทียมก็นั่นแหละจะต้องเอาทุกอย่างมากองรวมกันแล้วก็ช่วยกันสร้างความเจริญแบบเป็นหมู่คณะนั่นแหละคือคนที่ได้มีทรัพย์สมบัติอยู่แล้วไม่ว่าจะน้อยหรือจะมากได้ยินแบบนี้ก็ตกใจ

อยู่ๆจะเข้ามาเอาสมบัติของเราไปแล้วบอกว่าต่อไปนี้ทุกอย่างเป็นของทุกคนนั่นแหละมันคือสิ่งที่ทำให้ทุกๆคนคือสิ่งที่ทำให้คนกลัวพวกคอมมิวนิสต์กันมากมายขนาดนี้คนที่มีอะไรจะเสียนี่แหละมันก็ไม่แปลกเลยที่ชนชั้นปกครองทั่วโลกจะร่วมมือกันทำให้คำว่า คอมมิวนิสต์เป็นคำที่น่ากลัวสยองขวัญผิดกฎหมายชั่วร้ายและเกิดการฆ่ากันขนานใหญ่นั่นก็คือในยุคสงครามเวียดนามและสงครามเย็น

ในช่วงทศวรรษที่1960จนถึงการล้มสลายระบอบคอมมิวนิสต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนั่นก็คือ สหภาพโซเวียต ในปี1991 

ซึ่งเขาก็ได้ล่มสลายด้วยตัวเองไม่มีใครไปทำอะไรให้ล่มแล้วถามว่าทำไมถึงได้ล่มมันก็คงจะมีอยู่ในหลายๆปัจจัยแต่ว่าถ้าเกิดว่าเรามองอุดมการของคอมมิวนิสต์อย่างเป็นอุดมการจริงๆแล้วไม่มีประเทศไหนเลยที่จะปกครองระบอบคอมมิวนิสต์แล้วสามารถเดินทางไปถึงความสังคมคอมิวนิสต์อย่างแท้จริงตามที่ได้ถูกวาดฝันเอาไว้

สังคมคอมมิวนิสต์ในอุดมการนั้นทุกคนนั้นจะเท่าเทียมกันหมดการตัดสินใจทุกอย่างมันมาจากการใช้เหตุผลและตักกะไม่มีอารมณ์ไม่มีผลประโยชน์มีเพียงประโยชน์ของส่วนรวมเท่านั้นแต่กว่าจะไปถึงตรงนั้นได้กว่าจะเปลี่ยนไปจากสังคมทุนนิยมไปสู่ความไม่มีใครเป็นเจ้าของอะไรเลยมันก็จะต้องมีการปฏิวัติ

ซึ่งมันได้เป็นการเปลี่ยนแปลทางสังคมอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินจะต้องมีการบังคับคนเยอะต้องมีการยึดทรัพย์ต้องมีการส่งคนออกไปทำนารวมต้องมีการใช้ความรุนแรงเยอะมากคนที่ได้ใช้ความรุนแรงไปแล้วมีอำนาจไปแล้วใครล่ะจะไปอยากวางอำนาจนั้นจริงหรือไม่