ตำนานบั้งไฟพญานาค 

   เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยกับตำนานความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องพญานาคกันเป็นอย่างดียิ่งกลับคนที่นิยมเล่นหวยแล้วก็พญานาคถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์กินข้าวหวยหลายคนมักจะไปขอหวยกัน

โดยจะไปขอหวยพญานาคที่คำชะโนดกันเป็นส่วนมากตำนานความเชื่อของพญานาคมีมานานหลายชั่วอายุคนและคนส่วนใหญ่ที่เชื่อเกี่ยวกับเรื่องพญานาคมักจะเป็นคนที่อยู่ในแถบของภาคอีสานซึ่งเป็นต้นกำเนิดของพญานาคโดยมีการเชื่อกันว่าพญานาคอาศัยอยู่ในลุ่มแม่น้ำโขงโดยทุกๆปีประชาชนต่างก็จะไปรอดูพญานาคพ่นไฟขึ้นมาเหนือน้ำ

ซึ่งเราเรียกว่างานบั้งไฟพญานาคซึ่งเทศกาลนี้จะมีการจัดขึ้นทุกๆปีและจะมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศรวมถึงนักท่องเที่ยวจากชาวต่างชาติเดินทางไปชมความอัศจรรย์นี้กันเป็นจำนวนมากและทุกๆปีก็ไม่เคยทำให้ผิดหวังเพราะว่าในทุกๆปีเรามักจะเห็นดวงไฟขึ้นมาเหนือน้ำของลุ่มแม่น้ำโขงซึ่งไม่สามารถหาคำตอบได้เหมือนกันว่าดวงไฟเหล่านั้นขึ้นมาจากแม่น้ำโขงได้อย่างไร โดยปกติแล้วการจัดงานบุญบั้งไฟพญานาคนั้นจะมีการจัดทุกวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11

ซึ่งจะตรงกับวันออกพรรษาโดยจังหวัดทางแถบภาคอีสานจะมีการจัดงานการละเล่นต่างๆแล้วตั้งแต่ช่วงหัวค่ำเป็นต้นไปประชาชนก็จะพากันไปนั่งอยู่ริมแม่น้ำโขงเพื่อรอดูรูปไฟที่จะค้นขึ้นจากแม่น้ำขึ้นมาซึ่งหลายคนชื่อว่าลูกใครเหล่านั้นคือพญานาคกำลังพ่นไฟขึ้นมา 

        สำหรับชาวบ้านที่ไปบั้งพญานาคนั้น ทางไปเพราะว่ามีความศรัทธาและเคารพนับถือในตัวพญานาคจึงต้องการไปดูปาฏิหาริย์ที่พญานาคมีการพ่นไฟขึ้นมาการทำงานประวัติความเชื่อมาแต่สมัยโบราณเชื่อกันว่ามีพญานาคอยู่ตนหนึ่งต้องการที่จะบวชเป็นพระแต่ไม่สามารถที่จะบวชได้เนื่องจากว่าไม่ใช่มนุษย์โดยตรง พญานาคตอนนี้มีนิสัยดุร้ายเป็นอย่างมาก

แต่พระพุทธเจ้าไม่ทราบเรื่องก็ได้มาโปรดสั่งสอนพญานาค จนพญานาคสำนึกตัวได้และตั้งตัวเป็นพุทธมามกะ เพราะเริ่มใสศรัทธาในองค์พระพุทธเจ้าเมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปยังสวรรค์เพื่อไปเยี่ยมพระมารดาและอยู่ที่นั่นเป็นระยะเวลา 1 พรรษา แล้วถึงเวลาที่พระพุทธเจ้าจะกลับลงมายังโลกมนุษย์เพื่อพญานาคตนนั้น

ดูเข้าจึงได้มีการพ่นไฟเพื่อทำการฉลองการกลับมาของพระพุทธเจ้าจึงเกิดเป็นบั้งไฟพญานาคนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเล่าต่อๆกันมาตามตำนานความเชื่อของคนโบราณและเมื่อถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ของทุกปีชาวบ้านก็จะมารวมตัวกันที่นี่เพื่อมาดูที่พญานาคจะมีการจุดเพื่อฉลองให้กับพระพุทธเจ้า

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  next88

ประเพณีชนกวาง1เดียวล้านนา

เกมกีฬาพื้นที่แห่งศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้ชายแห่งเมืองล้านนา

จากความสงบก้าวเข้ามาสู่ความตื่นเต้นแห่งเมืองล้านนาแห่งนี้และพวกหนุ่มๆที่เมืองล้านนากได้มีการแข่งขันความเป็น1เดียวในประเทศไทยเขาก้ได้บอกอีกว่าจะเป็นไปไม่ได้นอกจากการละเล่นชนกวาง สำหรับการชนกวางเป็นการนำเอากวางตัวผู้ที่มีเขาโง้งยาวและมีรูปลักษณะที่สวยงามลำตัวเป็นมันมีสีน้ำตาลแดงและมีสีจนเข้นขนาด1 ถึง 2นิ้วได้นำเอามาแข่งกันประกวดความงาม

และนำเอามาชนแข่งกัน ซึ่งการละเล่นนี้เป็นการเล่นพื้นบ้านแห่งชาวล้านนาและนอกจากนี้ตัวผู้นั้นนอกจากจะมีความแข็งแกร่งแล้วจะต้องมีความสง่างามดังนั้นมันจึงได้กลายมาเป็นตัวแทนของผู้ชายจะมีรูปร่างลักษณะที่สง่างามมีเขาที่แข็งแรงสวยงามและสำหรับ ประเพณีนี้นั้นจะมีแค่หนึ่งปีเท่านั้นสำหรับ1ปีจะมีงานประเพณีการแข่งขันชนกวางเพียง1ครั้งเท่านั้น

และประเพณีนี้ก็จะอยู่ที่จังหวัดพะเยาซึ่งได้เป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีผู้คนและชาวทั่วนั้นเขาได้นิยมกันเป็นอย่างมากสำหรับประเพณีชนกวาง เมื่อถึงกลางพรรษา หรือว่าระหว่างเดือนกันยายนถึงตุลาคมในช่วงประมาณนี้แหล่ะในของทุกๆปีเลยกลุ่มผู้ชายและทุกๆวัยเลยตั้งแต่เด็กผู้ใหญ่คนชราจะนำเอากวางของตัวเองที่มีอยู่นั้นจะนำเอามาชนกันหลักจากที่เลี้ยงมานานและพวกเขาจะเอามาโชว์ก่อนจากนั้นก็จะค่อยเอามาชนกันจากนั้น

จึงได้ทีการจัดตั้งชมรมอนุรักษ์กวางไทยขึ้นเพื่อเป็นการส่งเสริมและได้มีการสนับสนุนมาตลอดจนได้เกิดมีความอนุรักษ์กวางให้มันยังคงมีอยู่ต่อไปเพื่อไม่ให้มันสูญพันธุ์จากนั้นได้มีชายคนหนึ่งเขาเป็นช่างอยู่ชื่อว่าช่างอ๊อฟตำบล แม่ต๋ำอำเภอเมืองพะเยาเขามีอาชีพเป็นช่างซ้อมรถจักรยานยนต์ในเวลาที่เขานั้นว่างเขาได้นำเอากวางมาเพาะขายและพอที่ไกล้จะถึงในช่วงขงฤดูการแข็งขันการชนกวางก็จะเอามาขายตั้งแต่ตัวละ100ถึง500บาท

นอกจากจะมีที่พะเยาแล้วที่จังหวัดเชียงใหม่ก็มีที่ตลาดดอกไม้บนถนนเชียงใหม่ก็ได้มีพ่อค้าแม่ค้าได้นำเอากวางที่ได้มีการเพาะมีนั้นได้นำเอามาวางขายโดยแต่ละเจ้านั้นก็จะนำแท่งอ้อยที่มีกวางเกาะกินอยู่เอามาแขวนเอาไว้เพื่อให้คนที่ชื่นชอบมาเลือกซื้อกัน

เพื่อให้ผู้ที่ชื่นชอบได้เลือกเลือกชมกันได้สำหรับราคาของเจ้ากวางนั้นจะมีราคาตั้งแต่100ไปจนถึง2,000บาทและตัวที่มีราคาแพงนั้นจะต้องมีลักษณะลำตัวและเขาของตัวและชาวบ้านแถวนั้นก็ยังบอกอีกว่าเพื่อเป็นการอนุรักษ์สัตว์เหล่านี้เอาไว้เพื่อไม่ให้มันสูญพันธุ์