ธรรมชาติของศิลปะ

การสื่อสารวิทยาศาสตร์อุทยาน ธรรมชาติ และวัฒนธรรมผ่านศิลปะ ศิลปะได้หลอมรวมธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิทยาศาสตร์มาเป็นเวลาหลายศตวรรษ ธรรมชาติของศิลปะ

มรดกทางศิลปะของอลาสก้าเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีอันยาวนานและมีความสำคัญในการทำความเข้าใจ แบ่งปัน และอนุรักษ์อุทยานและพื้นที่คุ้มครองที่เกี่ยวข้อง ก่อนที่แนวความคิดของสวนสาธารณะจะถูกวางกรอบ ศิลปินและผลงานศิลปะของพวกเขาได้รับการสนับสนุนสำหรับการสำรวจอยู่แล้ว และบางครั้งก็ปกป้องสถานที่พิเศษที่พวกเขารู้จัก

ศิลปะได้หลอมรวมธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิทยาศาสตร์มาเป็นเวลาหลายศตวรรษ มรดกทางศิลปะของอลาสก้าเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีอันยาวนานและมีความสำคัญในการทำความเข้าใจ แบ่งปัน และอนุรักษ์อุทยานและพื้นที่คุ้มครองที่เกี่ยวข้อง ก่อนที่แนวความคิดของสวนสาธารณะจะถูกวางกรอบ ศิลปินและผลงานศิลปะของพวกเขาได้รับการสนับสนุนสำหรับการสำรวจอยู่แล้ว และบางครั้งก็ปกป้องสถานที่พิเศษที่พวกเขารู้จัก

ศิลปินในฐานะล่ามและผู้สนับสนุนพื้นที่คุ้มครอง ภาพวาดเรือไอน้ำนอกชายฝั่งจากภูเขา การค้นพบนอกชายฝั่งในอ่าวไอซี่ พ.ศ. 2337 NOAA ศิลปินได้ร่วมกับนักสำรวจในการเดินทางหลายครั้ง โดยได้นำภาพทิวทัศน์อันยิ่งใหญ่ สิ่งมีชีวิตที่แปลกและสวยงาม วัฒนธรรมที่หลากหลาย ท้องฟ้าที่ยังไม่ถูกทำลาย น้ำ และภูมิประเทศ และบันทึกภาพแรกสุดของสถานที่ต่างๆ

สวนสาธารณะ (รูปที่ 2) ศิลปิน George Catlin ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ริเริ่มแนวคิดนี้ขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2375 ในการก่อตั้ง “อุทยานของประเทศที่ประกอบด้วยมนุษย์และสัตว์ร้าย ในป่าและความสดของความงามตามธรรมชาติของพวกเขา” (Mackintosh 1999)

เมื่อนักสำรวจและนักเดินทางลงจอดในอลาสก้า พวกเขาได้พบกับประเพณีศิลปะพื้นเมืองที่ได้รับการพัฒนามาอย่างดี

ซึ่งได้รับการขัดเกลาจากประสบการณ์หลายพันปีในด้านไม้ งาช้าง แร่ธาตุ และวัสดุธรรมชาติอื่นๆ นักสะสมได้รับงานศิลปะสำหรับผู้อุปถัมภ์และพิพิธภัณฑ์ และศิลปินวาดภาพศิลปะท้องถิ่นด้วยภาพร่าง ภาพวาด และภาพถ่ายของตนเอง ในปัจจุบัน ศิลปะมีส่วนทำให้เกิดความเข้าใจ ความซาบซึ้ง และความสนใจในวัฒนธรรมพื้นเมืองในวงกว้างมากขึ้น 

ในช่วงทศวรรษที่ 1850 การถ่ายภาพภาคสนามได้เริ่มเสริมสถานที่ดั้งเดิมของงานศิลปะที่วาดด้วยมือสำหรับการบันทึกภาพอย่างละเอียด (Balm 2000); อย่างไรก็ตาม การถือกำเนิดของภาพถ่ายไม่ได้ปิดบังความสนใจของสาธารณชนในรูปแบบศิลปะอื่นๆ ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 ภาพส่วนใหญ่จากการเดินทางสู่ฝั่งตะวันตกของอเมริกาเป็นภาพถ่ายขาวดำ

รวมถึงภาพโดยวิลเลียม เฮนรี แจ็คสัน บุตรบุญธรรมของโธมัส มอแรน Mark McDermott ศิลปินชาวอะแลสกา (การสื่อสารส่วนตัว) ตั้งข้อสังเกตถึงแม้จะน่าประทับใจในตัวเอง แต่ภาพถ่ายขาวดำไม่ได้สร้างผลกระทบแบบเดียวกับภาพวาดที่มีสีสันของศิลปินระดับปรมาจารย์

 

สนับสนุนโดย  alpha88

ศาลล่องหน หน้าหอแกน ม.กรุงเทพ

สำหรับเรื่องของศาลล่องหนนี้ได้เล่ากันว่าแต่ก่อนศาลจริงเขาได้ย้ายไปอยู่ที่หลังตึกเป็นเพียงแต่ศาลปูนและยังได้มีนักศึกษาและศิษย์เก่าอีกหลายท่านก็พบเห็นว่าศาลหลังนี้มันมีอยู่จริๆปรากฏว่าได้มีนักศึกษาท่านหนึ่งๆได้โพสว่ามีใครเห็นศาลพระภูมิที่ตั้งอยู่ตรงข้างมหาวิทยาลัยบ้างนักศึกษาหลายคนเคยเห็นตั้งบางคนยกมือไหว้แต่ความจริงนั้นมันไม่มี

ซึ่งก็ได้มีคนออกมาบอกว่าเคยเห็นศาลหลังนี้อยู่แถวหน้าหอแกนมีพวงมาลัยสีเหลืองเต็มเลยและเขานั้นถึงกับงงเลยว่ามันมีจริงๆเหรอที่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น

นอกจากนั้นเขาก็ยังบอกอีกด้วยว่าจำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยยกมือไหว้ศาลศาลสูงเท่าตัวสีขาวหลังออกจากห้องเพื่อนมาอีกทีก็ร้องกรี๊ดมันคืออะไรในช่วงที่กำลังรับน้องปี1ได้งดงามมากพอผ่านไป5ปีแล้วยังรู้สึกหลอนอยู่เลยนี่มันก็เป็นเหตุผลที่ว่าหากใครเคยรับรู้เรื่องราวของศาลหลังนี้ก็จะไม่สามารถพบเห็นศาลหลังดังกล่าวได้อีกเลย

ถ้าหากใครไม่เคยได้ยินเรื่องราวของศาลหลังนี้มาก่อนขอรับรองเลยว่าเจอเกือบทุกคนเลยโดยเฉพาะพวกน้องๆปี1และก็ยังมีอยู่อีกหลายๆคนเลยที่บอกว่าเคยเห็นว่าเขานั้นไม่เคยเห็นแต่มีเพื่อนอยู่คนหนึ่งเคยเล่าให้ฟังว่ามีแต่ทำไมตัวเขาเองกลับมองไม่เห็น

ซึ่งบางคนก็พักอาศัยอยู่ที่หอแกนแต่ไม่เคยเห็นบางคนก็บอกว่ามีจริงก็พบเหนอยู่อันนี้มันก็เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจว่าสิ่งที่ได้พบเจอกันมันมีอยู่จริงๆหรือไม่ศาลหลังนี้ทั้งนี้ยังมีคนบอกอีกว่าศาลสีขาวที่อยู่ด้านหน้าหอแกนกลับมาจากซอยรังสิตภิรมย์หลังเที่ยวคืนก็ยกมือไหว้ตลอดนี่ก็เป็นที่น่าสงสัยว่าเขานั้นยกมือไหว้อะไรและยังได้มีอีกหลายคนที่เคยเห็นศาลและอีกหลายคนที่ไม่พบเห็น

โดยมันก็ยังคงเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันว่าทำไมบางคนเห็นทำไมบางคนมองไม่เห็นวันนี้เพื่อคลายข้อสงสัยกันเราจะพูดให้ฟังว่าศาลพระภูมิที่เขาได้พบเห็นกันมันเป็นอย่างไรและมันได้ตั้งอยู่ตรงส่วนไหนของ ม.กรุงเทพ หากใครขับรถขาเข้ากรุงเทพตรงข้าม ม.กรุงเทพก็จะเห็นหอแกนอยู่ด้านซ้ายมือและจะมีป้ายรถเมล์และรถตู้

เนื่องจากนี้ก็มีคนเห็นศาลหลังดังกล่าวได้ตั้งอยู่ตีนสะพานลอยแต่ปรากฏว่าเข้าไปดูช่วงตีนสะพานลอยมันเป็นเพียงแค่ร้านขายของธรรมดาและก็มีเสาไฟตั้งอยู่ถัดไปก็ไม่มีศาลใครผ่านไปผ่านมาลองสังเกตดูกันดีๆ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  alpha88