ขบวนการ100บุปผาของเหมาเจ๋อตงปี1956

ในปี1953 นายโจเซฟสตาลิน ผู้นำสูงสุดของสหภาพโซเวียตได้เสียชีวิตลง นายนิกิต้า ครุเชฟขึ้นเป็นผู้นำต่อ การเสียชีวิตของ  นายโจเซฟสตาลิน ได้สร้างความสั่นคอนให้กับเหมาเจ๋อตงมากๆเลยเพราะว่าเหมาเจ๋อตงเรียกว่าเป็นติ่งสตาลินก็ได้

เหมาเจ๋อตงศรัทธาสตาลินมากยกย่องให้เป็นพี่ใหญ่ของประเทศคอมมิวนิสต์ได้ยกย่องว่า  นายโจเซฟสตาลิน นำสหภาพโซเวียตในสงครามโลกครั้งที่สองจนเอาชนะเยอรมันได้และยังสามารถแข่งขันกับภาพสหรัฐกาหัวหน้าใหญ่ฝ่ายโลกทุนนิยมได้

นโยบายการบริหารประเทศและนโยบายการต่างประเทศของสาธารณรัฐประชาชนจีนจึงได้อิงมาจากสหภาพโซเวียตเป็นหลักแต่เมื่อ นายโจเซฟสตาลิน ได้เสียชีวิตและ ครุเชฟ ก็ได้มีนโยบายที่ชื่อde-Stalinizationไม่เดิมตามนโยบายเดิมของ นายโจเซฟสตาลินอีกต่อไป

นายเหมาเจ๋อตงเลยเสียความรู้สึกมากและคิดว่าต่อไปนี้จีนจะต้องเดินด้วยนโยบายของตัวเองเพราะโซเวียตพี่เก่าได้เปลี่ยนอุดมการณ์ไปเสียแล้ว

ด้วยเหตุนี้เองในปี1956 เหมาเจ๋อตงจึงได้เริ่มขบวนการ100บุปผาขึ้นในขบวนการ100บุปผาเป็นโครงการของนายเหมาเจ๋อตงเป็นโครงการของเหมาเจ๋อตงที่จะเรียกนักคิดนักเขียน นักวิชาการ ศิลปิน ปัญญาชน ทั้งหลายมารวมกันระดมสมองว่าต่อไปนี้สาธารณรัฐประชาชนจีนจะดำเนินไปในทิศทางใดแนวๆว่าจะวางโครงสร้างการพัฒนาประเทศกันอย่างไรดีรวมถึงการเปิดโอกาสให้วิพากษ์วิจารณ์อุดมการณ์ทางการเมืองรวมถึงการบริหารงานทางของพรรคคอมมิวนิสต์ด้วย

โดยการใช้คำว่า100บุปผา คือ ความต้องการที่จะสื่อถึงความงดงามของความหลากหลายทางความคิดนั่นเองแต่ก็อย่างว่านั่นล่ะสุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะรับความคิดเห็นที่หลากหลายได้โดยเฉพาะเมื่อคนคิดเห็นเหล่านั้นเป็นความคิดเห็นในเชิงลบเชิงตำนิติเตียนคือเหมาเจ๋อตงคงไม่คิดว่าจะโดนด่าเยอะขนาดที่โดนเหล่านักคิกนักเขียนนักวิชาการต่างๆที่เชิญมาดันมาต่อว่าและแสดงความไม่พอใจรัฐบาลเหมาเจ๋อตงอย่างรุนแรงและหลากหลายด้วยก็มี100บุปผาจริงๆนั่นแหละและเหมาเจ๋อตงก็ต้องเซอร์ไพรส์จริงๆ

เมื่อได้พบว่าตัวเองนั้นไม่ได้ป๊อปปูล่าร์ในหมู่คนพวกนี้เอาซะเลยสุดท้ายขบวนการ100บุปผาก็เลยล้มระเนระนาดเลิกไปดื้อๆเลยแต่เรื่องของเรื่องก็คือล้มไม่ล้มเปล่าล้มแล้วเกิดการตามไปเช็คบิลกันอีกอย่างเป็นวงกว้างเกิดการPurgeนักเขียน นักวิชาการ นักคิด ศิลปิน ที่แสดงความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์กับพรรคเหล่านั้นบางคนก็โดนไล่ออกจากงานโดนจับขังหรือว่าส่งไปปรับทัศนคติด้วยการใช้แรงงานหนักเรียกว่าพอได้เรียกออกมาแล้วบอกให้พูดความในใจพอพูดไปก็โดนจับขังในฐานที่บังอาจมาด่านั่นแหละ

 

สนับสนุนโดย  nowbet